สั่งผลิตกระบอกไฮดรอลิคที่ไหนดี

สั่งผลิตกระบอกไฮดรอลิคที่ไหนดี ?

สั่งผลิตกระบอกไฮดรอลิคที่ไหนดี ?

สั่งผลิตกระบอกไฮดรอลิคที่ไหนดี หลาย ๆ คนที่กำลังจะสั่งผลิตกระบอกไฮดรอลิคหรือกำลังหาร้านที่รับผลิตกระบอกไฮดรอลิคยู่ก็คงจะหนีไม่พ้นกับคำถามที่ว่า “จะสั่งผลิตกระบอกไฮดรอลิคที่ไหนดี ?” เพราะตอนนี้ร้านที่รับผลิตกระบอกไฮดรอลิคมีหลายร้านให้เลือกด้วยกัน หากใครที่ไม่รู้ว่าจะผลิตกระบอกไฮดรอลิคกับที่ไหนดี แอดมินขอแนะนำบริษัท ไทยเอเย่นซี เอ็นยีเนียริ่ง จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ก็เป็นอีกหนึ่งโรงงานที่รับผลิต และจำหน่ายกระบอกไฮดรอลิคเช่นเดียวกัน

สั่งผลิตกระบอกไฮดรอลิคที่ไหนดี


บริษัท ไทยเอเย่นซี เอ็นยีเนียริ่ง จำกัด จำหน่ายและรับผลิตกระบอกไฮดรอลิคทุกชนิด ทุกขนาด รับผลิตตามความต้องการของลูกค้า โดยมีทีมงานวิศวกรที่มีความชำนาญ และมีประสบการณ์ในการผลิตกระบอกไฮดรอลิคที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ซึ่งขั้นตอนการผลิตกระบอกไฮดรอลิคที่ Thai-A จะผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพทุกชิ้น ทำให้กระบอกไฮดรอลิคที่ผลิตกับ Thai-A ทุกชิ้นสามารถนำไปใช้งานในระบบไฮดรอลิคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า Thai-A สามารถผลิตกระบอกไฮดรอลิคได้ตามลักษณะของงานที่เอาไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิค ไม่ว่าจะเป็น กระบอกไฮดรอลิค วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกไฮดรอลิค และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิคมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกไฮดรอลิค และรับผลิตกระบอกไฮดรอลิคตามสั่ง

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@taecgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
ระวัง อาการเหล่านี้สัญญาณเตือนระบบไฮดรอลิคมีปัญหา

ระวัง อาการเหล่านี้สัญญาณเตือนระบบไฮดรอลิคมีปัญหา

ระวัง อาการเหล่านี้สัญญาณเตือนระบบไฮดรอลิคมีปัญหา

ระวัง อาการเหล่านี้สัญญาณเตือนระบบไฮดรอลิคมีปัญหา ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบทั้งหมด ฉะนั้นมาสังเกตอาการและสัญญานเตือนในระบบไฮดรอลิค เพื่อป้องกันปัญหาใหญ่ที่จะตามมาค่ะ

น้ำมันไฮดรอลิคมีอุณหภูมิสูงผิดปกติ

โดยปกติน้ำมันไฮดรอลิคสามารถทนความร้อนได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากอุณหภูมิของน้ำมันไฮดรอลิคสูงมากเกินกว่าปกติ โดยหากสูงถึง 180°F หรือ 82°C จะทำให้ซีลเสียหายและเสื่อมสภาพ ทำให้ระดับความหนืดเปลี่ยนแปลงไป และเกิดแรงเสียดทานมากขึ้น ซึ่งอาการนี้อาจเกิดได้จากระบบระบายความร้อนผิดปกติ จึงไม่สามารถระบายความร้อนได้อย่างถูกต้อง อุณหภูมิจึงสูงขึ้นกว่าปกติ ลองตรวจสอบถังเก็บน้ำมันว่ามีสิ่งอุดตันหรือไม่

มีเสียงดังผิดปกติในช่วงที่ระบบไฮดรอลิคทำงาน

เมื่อได้ยินเสียงผิดปกติอะไรบางอย่างในระบบ ให้สงสัยไว้ก่อนได้เลยว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบหรือเปล่า จะได้ค้นหาสาเหตุกันตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนจะลุกลามไปมากกว่าเดิม อาการเสียงผิดปกติ อาจเกิดได้จากมีอากาศเข้าไปในระบบ หรือมีโพรงอากาศอยู่ภายในระบบ ซึ่งระบบไฮดรอลิคควรปิดสนิทไม่มีอากาศเข้าไป เพราะถ้าเข้าไปแล้วอาจทำให้น้ำมันไฮดรอลิคปนเปื้อน และอาจเกิดปฏิกิริยาทำให้สภาพของน้ำมันเปลี่ยนไปหรือเสื่อมสภาพได้ เมื่อมีอากาศอยู่ภายในระบบ เวลาบีบอัดหรือมีแรงดัน ก็จะเกิดเสียงดังผิดปกติไปจากเดิม จึงควรรีบหาสาเหตุของการรั่วไหล

ความผิดปกติของ ความดันและการไหล

ถ้าเป็นเรื่องของความผิดปกติของความดัน และการไหลเวียนของระบบนั้น อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่ให้ดูที่ปั๊มและการตั้งค่าความดัน จะมี 3 รูปแบบ ดังต่อไปนี้

  1. ไม่เกิดความดันและการไหล ต้องดูที่ปั๊มก่อนเป็นอันดับแรก เป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากปั๊มไม่ได้รับน้ำมัน หรือปั๊มไม่ทำงาน
  2. ความดันและการไหล ต่ำกว่าปกติ อาการไหลน้อย หรือไหลค่อย ต้องดูว่าตั้งค่าความดันไว้ต่ำไปหรือเปล่า หรือว่ามีการรั่วไหลจากภายนอกทำให้ความดันดันได้ไม่เต็มที่ หรือปั๊มอาจสึกหรอทำให้ส่งแรงดันได้ไม่ดี
  3. ความดันและการไหล สูงกว่าปกติ อาการไหลมากกว่าปกติ หรือมีความดันมากเกินปกติ อาจตั้งค่าความดันไว้สูงเกินไป ตั้งค่ารอบของมอเตอร์ไม่ถูกต้อง หรือเป็นที่ใช้ปั๊มไม่ได้ขนาดพอดี

เครื่องจักรมีการทำงานที่ผิดพลาด

สังเกตว่าเครื่องจักรดำเนินงานผิดพลาด อย่างเช่นปกติเคยรันได้เท่านี้ แต่มาครั้งนี้ทำไมรันระบบได้ไม่เหมือนเดิม แสดงได้ถึงประสิทธิภาพในการทำงานที่ลดลง หากความเร็วในการทำงานลดลง หรือใช้เวลาในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม อาจเกิดได้จากอัตราการหล่อลื่นที่ไม่ดี มีการรั่วไหลของระบบทำให้แรงดันลดลงจึงทำงานช้าตามไปด้วย

วิธีสังเกตการรั่วไหล ดูจากซีล ยาง มีการรั่วหรือเสื่อมสภาพหรือเปล่า มีท่อตรงไหนแตกมั้ย ปั๊มวาล์วปกติดีหรือเปล่า โดยการใช้เครื่องมือวัดค่าความดันที่รั่วไหลหรือลดลงคือ เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรดจะเป็นตัวช่วยในการระบุจุดที่รั่วไหลได้แม่นยำ

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิค ไม่ว่าจะเป็น กระบอกไฮดรอลิค วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกไฮดรอลิค และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิคมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกไฮดรอลิค และรับผลิตกระบอกไฮดรอลิคตามสั่ง

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail :webmaster@taecgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
ประเภทและประโยชน์ของเซ็นเซอร์ในระบบไฮดรอลิค

ประเภทและประโยชน์ของเซ็นเซอร์ในระบบไฮดรอลิค

ประเภทและประโยชน์ของเซ็นเซอร์ในระบบไฮดรอลิค อุตสาหกรรมไฮดรอลิคเปลี่ยนแปลงไปมาก เมื่อเราเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 การรวมเซ็นเซอร์ประเภทต่าง ๆ เข้ากับระบบไฮดรอลิคช่วยลดความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหาและการบำรุงรักษา เมื่อติดตั้งเซ็นเซอร์ที่เหมาะสมกับระบบของคุณ คุณจะสามารถระบุสถานะความสมบูรณ์ของระบบได้อย่างแม่นยำ และดำเนินการบำรุงรักษาที่จำเป็นโดยเร็วที่สุด และที่สำคัญที่สุด เซ็นเซอร์จะให้มุมมองที่ถูกต้องและครบถ้วนว่าระบบไฮดรอลิคของคุณทำงานอย่างไร พูดง่าย ๆ คือเซ็นเซอร์ในระบบไฮดรอลิคสามารถใช้เพื่อควบคุม และตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบไฮดรอลิคของคุณได้

โดยทั่วไป เซ็นเซอร์เป็นเครื่องมือวัดที่ให้ค่าแบบ real time สำหรับตัวแปรในระบบไฮดรอลิค เช่น ความดัน อัตราการไหล ระดับการบรรจุ อุณหภูมิ หรือการปนเปื้อน สำหรับทุกการใช้งาน การระบุค่าที่ถูกต้องของตัวแปรกระบวนการไฮดรอลิคเหล่านี้จะมีประโยชน์ในการระบุว่าระบบของคุณทำงานอย่างไรและจะเกิดปัญหาในขั้นตอนการทำงานไหนบ้าง

ความดันเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับทุกส่วนประกอบในระบบไฮดรอลิค ส่วนประกอบทุกชิ้นจะมีระดับแรงดันสูงสุดที่สามารถทนได้ ถ้าได้รับความดันที่สูงกว่านั้น ส่วนประกอบนั้นจะได้รับความเสียหาย และนี่ก็จะเป็นตอนที่เรานำเอาเซ็นเซอร์เข้ามาใช้นั่นเองค่ะ โดยที่ผู้ปฏิบัติงานสามารถตรวจสอบค่าความดันเหล่านี้และควบคุมได้เมื่อจำเป็น ซึ่งในบทความนี้แอดมินจะมาบอกถึงประเภทและประโยชน์ของเซ็นเซอร์ในระบบไฮดรอลิคกันค่ะ

สารบัญ

  • ประเภทของเซ็นเซอร์ในระบบไฮดรอลิค
    • เซ็นเซอร์ความดัน (Pressure sensors)
    • เลเวลเซ็นเซอร์ (Level sensors)
    • เซ็นเซอร์วัดการไหล (Flow sensors)
    • เซ็นเซอร์อุณหภูมิ (Temperature sensors)
    • เซ็นเซอร์การปนเปื้อน (Contamination sensors)
  • บทสรุป

ประเภทของเซ็นเซอร์ในระบบไฮดรอลิค

ประเภทและประโยชน์ของเซ็นเซอร์ในระบบไฮดรอลิค
  • เซ็นเซอร์ความดัน (Pressure sensors)

การใช้งานเซ็นเซอร์ความดันสามารถพบได้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องมือวัดทางชีวการแพทย์ การบิน อุตสาหกรรมทางทะเล เป็นต้น องค์ประกอบหลักของเซ็นเซอร์ความดันคือตัวตรวจจับ เมื่อแรงดันไปถึงตัวตรวจจับ ตัวตรวจจับจะทำปฏิกิริยากับแรงดันนั้นแล้วส่งสัญญาณเอาต์พุตโดยขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้

  • เลเวลเซ็นเซอร์ (Level sensors)

เลเวลเซ็นเซอร์ในระบบไฮดรอลิคใช้สำหรับตรวจสอบและควบคุมระดับของของไหลภายในพื้นที่บรรจุ เลเวลเซ็นเซอร์สามารถใช้ในงานอุตสาหกรรม และงานในครัวเรือนได้ เช่น เครื่องชงกาแฟ ตัวบ่งชี้ระดับน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์ เป็นต้น เซ็นเซอร์เหล่านี้มีประโยชน์มากในการตรวจจับการรั่วไหลของของเหลว เลเวลเซ็นเซอร์ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ เลเวลเซ็นเซอร์อัลตราโซนิก (ultrasonic level sensors) ใช้สำหรับของเหลวที่มีความเหนียวและวัสดุที่มีความหนาแน่นสูง เลเวลเซ็นเซอร์ความจุ (capacitance level sensors) ใช้สำหรับของเหลวที่มีความข้นและของเหลวที่เหลว เลเวลเซ็นเซอร์ออปติคัล (optical level sensors) ใช้สำหรับตรวจจับการรั่วไหลและวัดระดับถัง และเซ็นเซอร์ออปติคัลไมโครเวฟ (microwave optical sensors) ใช้กับสภาพแวดล้อมที่เป็นไอ มีความชื้น และเต็มไปด้วยฝุ่นควัน

  • เซ็นเซอร์วัดการไหล (Flow sensors)

เซ็นเซอร์วัดการไหลเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบและควบคุมอัตราการไหลของของเหลวผ่านระบบ   ไฮดรอลิค เซ็นเซอร์วัดการไหลยังเรียกว่าสวิตช์การไหลหรือเซ็นเซอร์กระแสหรือเครื่องวัดการไหล การประยุกต์ใช้เซ็นเซอร์วัดการไหลสามารถพบได้ในวิศวกรรม พื้นที่ป้องกันการระเบิด การสร้างเครื่องจักรและโรงงาน และการใช้งานที่ไวต่อสุขอนามัย เช่น เครื่องวัดอัตราการไหลของแม่เหล็กไฟฟ้า เครื่องวัดการไหลของกังหัน เครื่องวัดอัตราการไหลของโบลิทาร์ เครื่องวัดอัตราการไหลของมวลความร้อน เป็นต้น

  • เซ็นเซอร์อุณหภูมิ (Temperature sensors)

การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิที่สูงกว่าเกณฑ์ที่โรงงานผลิตกระบอกไฮดรอลิคกำหนด จะทำให้ระบบไฮดรอลิคเสียหาย เซ็นเซอร์อุณหภูมิใช้ในวงจรไฮดรอลิคเพื่อตรวจจับอุณหภูมิในระบบไฮดรอลิค การใช้งานทั่วไปของเซ็นเซอร์เหล่านี้ ได้แก่ หน่วยแปรรูปอาหาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ การจัดการสารเคมี และระบบควบคุมยานยนต์  เทอร์มิสเตอร์ เซ็นเซอร์อินฟราเรด เป็นต้น พูดง่าย ๆ คือมันเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิที่หาได้ทั่วไปนั่นเองค่ะ

  • เซ็นเซอร์การปนเปื้อน (Contamination sensors)

เซ็นเซอร์การปนเปื้อนมีบทบาทสำคัญในการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน เซ็นเซอร์เหล่านี้สามารถตรวจสอบการปนเปื้อนหรืออนุภาคที่มีอยู่ในตัวกลางของไหลได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ จากนั้นจึงแสดงผลในจอภาพแบบดิจิทัลหรือแบบ analog การประยุกต์ใช้เซ็นเซอร์การปนเปื้อนสามารถพบได้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การก่อสร้าง เกษตรกรรม เหมืองแร่ ทางทะเล และพลังงานลม เป็นต้น

บทสรุป

ในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ระบบไฮดรอลิคมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาให้มีการใช้งานที่ง่ายขึ้นและป้องกันการเสียหายจากความดันที่อาจสูงเกินค่าที่โรงงานผลิตกระบอกไฮดรอลิคกำหนดได้ โดยการนำเอาเซ็นเซอร์ไฮดรอลิคเข้ามาประยุกต์ใช้กับงานในระบบ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถตรวจสอบค่าความดันเหล่านี้และควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหายได้ค่ะ

บริษัท Thai-A เป็นทั้งผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์ไฮดรอลิค และผู้รับผลิตกระบอกไฮดรอลิค สามารถสั่งทำกระบอกไฮดรอลิคตามวัตถุประสงค์และตามความเหมาะสมกับงาน โดยผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิค ไม่ว่าจะเป็น กระบอกไฮดรอลิค วาล์วไฮดรอลิค และปั๊มไฮดรอลิค Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกไฮดรอลิค และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิคมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกไฮดรอลิค และรับผลิตกระบอกไฮดรอลิคตามสั่ง สามารถสั่งทำกระบอกไฮดรอลิคคุณภาพดีกับทางเราได้

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@taecgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
ท่อและสายไฮดรอลิคเสียหายทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

ท่อและสายไฮดรอลิคเสียหายทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

ท่อและสายไฮดรอลิคเสียหายทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

ท่อและสายไฮดรอลิคเสียหายทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ไม่มีอะไรที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบไฮดรอลิคและต่อผู้ปฏิบัติงานในระบบได้มากกว่าท่อไฮดรอลิคที่เสียหายหรือแตก สายและท่อไฮดรอลิคเปรียบเสมือนหลอดเลือดแดงของระบบไฮดรอลิค ที่ลำเลียงของไหลจากปั๊มไปยังกระบอกสูบไฮดรอลิค เช่นเดียวกับร่างกายของคนเรา เมื่อหลอดเลือดแดงมีปัญหา เลือดจะไม่สามารถไหลไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ ทำให้หลอดเลือดทำงานได้ไม่ดี หรือแย่ที่สุดคือไม่ทำงานเลย ซึ่งท่อและสายไฮดรอลิคก็เหมือนกันค่ะ หากน้ำมันไฮดรอลิคไม่สามารถไหลไปยังกระบอกสูบได้ กระบอกสูบไฮดรอลิคจะไม่สามารถทำงานได้ แต่ที่แย่กว่านั้นคือปั๊มไฮดรอลิคสามารถสร้างแรงดันที่สูงสุดถึง 10,000 psi หรือสูงกว่านั้น ต่างจากค่าความดันของหัวใจที่สูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย ซึ่งแรงดันที่มากมายขนาดนี้จะทำให้ท่อที่แตกร้าวกลายเป็นอาวุธที่ร้ายแรง เพราะเมื่อท่อไฮดรอลิคแตก มันสามารถยิงของเหลวไฮดรอลิคที่สามารถเจาะผิวหนังของคุณทำให้เกิดแผลไหม้และติดเชื้อได้ และในบางกรณีก็ถึงขั้นสามารถทำให้แขนขาขาดและถึงแก่ชีวิตได้ ฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ ซึ่งในบทความนี้แอดมินจะมาบอกแนวทางการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อตรวจสอบและทดสอบท่ออ่อนก่อนนำไปใช้งานค่ะ

ท่อและสายไฮดรอลิคเสียหายทำให้เกิดการบาดเจ็บได้


บทความที่เกี่ยวข้อง

แนวทางปฏิบัติต่อสายท่อไฮดรอลิค

  1. ตรวจสอบสายยางทั้งหมดก่อนเริ่มงาน

สายท่อที่ชำรุดจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ฉะนั้นก่อนลงมือปฏิบัติงานให้ตรวจหาสิ่งต่อไปนี้ทุกครั้ง

  • – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีข้องอในท่อ โดยให้ใส่ใจบริเวณปลายท่อเป็นพิเศษ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าปลอกป้องกันยังคงอยู่ เพราะปลอกหุ้มจะป้องกันการโค้งงอที่คมใกล้กับจุดต่อไฮดรอลิค
  • ระวังค่าเผื่อการโค้งงอขั้นต่ำสำหรับท่อของคุณ – เมื่อท่อไฮดรอลิคได้รับแรงดัน มันจะแข็งตัวและทำให้ระบบตึงมากขึ้น โดยเฉพาะที่ส่วนปลาย ฉะนั้นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหวนี้
  • ตรวจสอบข้อบกพร่องของท่ออย่างใกล้ชิด – ตรวจสอบรูเข็ม รอยถลอก รอยแตก หรือรอยตัด หากมีสิ่งเหล่านี้ให้เปลี่ยนท่อทันที
  • ปกป้องท่อไฮดรอลิคเสมอ

อย่าให้ความร้อน ประกายไฟ สารเคมีที่อาจสร้างความเสียหายมาโดนสายท่อ ห้ามลากท่อบนพื้น ห้ามเหยียบสายท่อหรืออนุญาตให้ใครก็ตามใช้สายท่อเป็นที่จับเมื่อต้องการเคลื่อนย้ายกระบอกสูบไฮดรอลิค

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่อได้รับการจัดอันดับอย่างถูกต้อง

ท่อไฮดรอลิคต้องได้รับการจัดอันดับสำหรับแรงดันสูงสุดในระบบ ในกรณีส่วนใหญ่ ท่อต้องได้รับการจัดอันดับให้เทียบเท่าหรือสูงกว่าพิกัดแรงดันสำหรับปั๊ม ท่อไฮดรอลิคของคุณจะมีสองระดับ หนึ่งคือแรงดันใช้งาน นั่นคือแรงดันปกติ (ควรเท่ากับปั๊ม) และอีกอันคือแรงดัน “ระเบิด” นั่นคือแรงดันที่ท่ออาจแตก ค่านี้ควรเป็นอย่างน้อยสองเท่าของแรงดันใช้งาน ตัวอย่างเช่น ท่อขนาด 10,000 psi ควรมีแรงดันระเบิดที่ 20,000 psi หรือมากกว่า บางครั้ง ท่ออาจมีแรงดันระเบิดถึง 4 เท่าของแรงดันใช้งาน ตัวอย่างเช่น ท่อ 3,000 psi ที่มีระดับการแตก 4X จะมีระดับการแตกที่ 12,000 psi แม้ว่าแรงดันระเบิดจะอยู่ที่ 12,000 psi แต่ไม่ควรใช้ในระบบ 10,000 psi เพราะมันจะไม่ปลอดภัยค่ะ

ท่อและสายไฮดรอลิคเสียหายทำให้เกิดการบาดเจ็บได้


บทสรุป

สายท่อไฮดรอลิคเปรียบเสมือนหลอดเลือดแดงในร่างกายคนเรา โดยสายท่อนี้จะลำเลียงของไหลจากปั๊มไปยังกระบอกไฮดรอลิค เพื่อให้กระบอกสูบสามารถทำงานได้ เช่นเดียวกับหลอดเลือดแดงที่ลำเลียงน้ำและเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แต่ปั๊มไฮดรอลิคมีความดันที่สูงกว่าหัวใจของเรามาก ทำให้หากสายท่อมีการแตกร้าวหรือรั่ว อาจเกิดแรงดันระเบิดและทำให้ผู้ปฏิบัติใกล้เคียงได้รับอันตรายได้ ฉะนั้นทุกครั้งก่อนใช้งานระบบไฮดรอลิค ต้องมีการตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าสายยางท่อนั้นไม่มีจุดใดที่เสียหายเลย อย่างไรก็ตามผู้อ่านควรซื้อหรือสั่งทำกระบอกไฮดรอลิคจากผู้เชี่ยวชาญ และให้เขาตรวจสอบสายท่อเมื่อทำการประกอบกระบอกไฮดรอลิคเข้ากับส่วนต่าง ๆ ในระบบค่ะ

บริษัท Thai-A เป็นทั้งผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์ไฮดรอลิค และผู้รับผลิตกระบอกไฮดรอลิค สามารถสั่งทำกระบอกไฮดรอลิคตามวัตถุประสงค์และตามความเหมาะสมกับงาน โดยผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อถือได้

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิค ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิค วาล์วไฮดรอลิค และปั๊มไฮดรอลิค Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกไฮดรอลิค และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิคมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกไฮดรอลิค และรับผลิตกระบอกไฮดรอลิคตามสั่ง สามารถสั่งทำกระบอกไฮดรอลิคคุณภาพดีกับทางเราได้

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@taecgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
5 ความเชื่อผิด ๆ ที่ส่งผลต่อระบบไฮดรอลิค

5 ความเชื่อผิด ๆ ที่ส่งผลต่อระบบไฮดรอลิค

5 ความเชื่อผิด ๆ ที่ส่งผลต่อระบบไฮดรอลิค

การใช้งานระบบไฮดรอลิคในโรงงานอุตสาหกรรมหรืองานผลิตมานาน ก็มักจะเกิดปัญหากับตัวระบบไฮดรอลิค หลายท่านคิดแก้ไขปัญหานี้กันได้บ้างไม่ได้บ้าง โดยอาจจะมาจากความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับระบบไฮดรอลิค ฉะนั้นเราไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง

ความเชื่อที่ 1 ท่อทางดูดของปั๊มต้องมีกรอง

ไส้กรองทางดูด (Suction Filter) มีขนาด 140 ไมครอน จะถูกขันเข้ากับ Inlet Port ของปั๊ม และแช่อยู่ในถังน้ำมัน กรองเหล่านี้จะเพิ่มโอกาสในการเกิด Cavitation ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับปั๊มมากกว่า

โดยปกติถ้าถังเก็บน้ำมันที่ใช้ได้รับการทำความสะอาดที่ดีตั้งแต่ต้น ใช้น้ำมันที่สะอาด และมีระบบการกรองที่ท่อไหลกลับ (Return Line Filter) ไส้กรองทางดูดก็ไม่จำเป็น เนื่องจากในน้ำมันไฮดรอลิคไม่มีส่วนประกอบของแข็งที่ใหญ่จนกรองทางดูดดักจับได้ ข้อโต้แย้งหลักก็คือ เราติดตั้งไส้กรองทางดูดก็เพื่อปกป้องปั๊มจากเศษทราย เศษดิน ที่อาจจะบังเอิญเข้ามาในระบบ หรือแม้แต่เศษโลหะจากอุปกรณ์ ที่เกิดการเสียดสีแล้วหลุดออกมาปนไปกับน้ำมัน

ความจริงก็คือ เศษโลหะ หรือเศษดินทราย ที่ว่ามีผลต่อปั๊มน้อยมาก ถ้าเราออกแบบถังเก็บน้ำมันอย่างเหมาะสม และทิ้งปลายท่อทางดูดให้สูงเหนือก้นถังพักไม่น้อยกว่า 4 นิ้ว เศษชิ้นส่วนทั้งหลายดังกล่าวจะไม่สามารถกลับเข้าสู่ปั๊มได้เลย

5 ความเชื่อผิด ๆ ที่ส่งผลต่อระบบไฮดรอลิค



ความเชื่อที่ 2 กระบอก Double Acting ตกเนื่องจากซีลลูกสูบรั่ว

เป็นความเชื่อแบบผิด ๆ ที่น่าเชื่อที่สุดในระบบไฮดรอลิค ความจริงก็คือ กระบอกไฮดรอลิคจะไม่ตก ถึงแม้ว่าเราเอาซีลลูกสูบออก โดยที่น้ำมันในกระบอกยังถูกบรรจุอยู่เต็ม และไม่มีการรั่วซึมทางพอร์ทน้ำมันและซีลฝาหน้า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เนื่องจากปริมาตรที่ไม่เท่ากันในแต่ละด้านของลูกสูบ น้ำมันที่อยู่ในกระบอกจึงมีปริมาตรที่แน่นอน ถ้ากระบอกตกหรือลูกสูบเปลี่ยนตำแหน่ง จะทำให้ปริมาตรภายในกระบอกเปลี่ยนไป ซึ่งไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในระบบปิด เนื่องจากน้ำมันเป็นของเหลวที่อัดตัวไม่ได้ (ที่อุณหภูมิปกติ) นอกจากน้ำมันจะหนีออกทางพอร์ท หรือซีลฝาหน้า

โดยหลักการนี้เราจะได้ข้อยกเว้นที่สำคัญ 2 ประการ นั่นคือ

1. กระบอก Double Rod ที่มีพื้นที่หน้าตัดของลูกสูบเท่ากันทั้งสองด้าน

2. เมื่อกระบอกหิ้วโหลดที่มีน้ำหนักมาก ๆ ทำให้เกิดแรงดันสูงด้านปลายแกน น้ำมันจะสามารถหนีไปทางด้านปลายกระบอก ในกรณีนี้จะเกิดร่วมกับการเกิดสุญญากาศด้านปลายกระบอกด้วย

ความเชื่อที่ 3 น้ำมันไฮดรอลิคถังใหม่คือน้ำมันที่สะอาด

น้ำมันไฮดรอลิคใหม่จากถัง 200 ลิตร มีค่าความสะอาดตามมาตรฐาน ISO 4406 23/21/18 ตัวเลขเหล่านี้มีความหมายน้อยมากเมื่อเทียบกับโรงงานที่ผลิตน้ำมันเหล่านี้ใช้ปั๊มขนาด 25 แกลลอนต่อนาที ซึ่งสามารถหมุนเวียนเศษฝุ่นผงได้ถึง 3500 ปอนด์ต่อปี ดังนั้นเพื่อที่เราจะไม่ต้องเติมฝุ่นผงเหล่านี้เข้าไปในระบบ จึงควรที่จะกรองน้ำมันใหม่ทุกครั้ง ขั้นตอนง่าย ๆ ก็คือกรองด้วย Return Line Filter โดยต่อข้อต่อสามทางไว้ที่กรองรีเทิร์นแล้วติด Quick Coupling เอาไว้ เวลาจะเติมน้ำมันก็ปั๊มเข้าทางนี้ แค่นี้ก็จะช่วยลดการปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิคได้แล้วค่ะ

ความเชื่อที่ 4  เนื่องจากน้ำมันไหลผ่านอุปกรณ์ไฮดรอลิคทุกตัวอยู่แล้ว เวลาติดตั้งไม่ต้องอ่านคู่มือ

มอเตอร์ลูกสูบเมื่อติดตั้งเสร็จแล้วต้องมีการเติมน้ำมันไฮดรอลิคเข้าไปในเคสของมอเตอร์ก่อนเริ่มทำงาน ไม่เช่นนั้นก็จะเหมือนกับเราขับรถโดยที่ไม่ใส่น้ำมันเครื่อง อย่าลืมอ่านคู่มือทุกครั้งที่ติดตั้งอุปกรณ์

ความเชื่อที่ 5  ท่อน้ำมันที่ไหลกลับถังทั้งหมดต้องผ่านกรอง

อันนี้เกือบจะจริง แต่มีข้อยกเว้นที่สำคัญคือตำแหน่งที่ case drain ของปั๊มหรือมอเตอร์แบบลูกสูบ เนื่องจากท่อ drain ต้องการการไหลกลับที่สะดวก เพื่อป้องกันไม่ให้แรงดันในเสื้อปั๊มหรือมอเตอร์แบบลูกสูบสูงเกินไป ซึ่งจะทำให้ Lip Sealและ Shaft Seal พังได้

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกไฮดรอลิค วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิค และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกไฮดรอลิค และรับผลิตกระบอกไฮดรอลิคตามสั่ง

บทความที่น่าสนใจ

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@taecgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
แนวทางการป้องกันการปนเปื้อนในระบบไฮดรอลิก

แนวทางการป้องกันการปนเปื้อนในระบบไฮดรอลิก

แนวทางการป้องกันการปนเปื้อนในระบบไฮดรอลิก

แนวทางการป้องกันการปนเปื้อนในระบบไฮดรอลิก ความล้มเหลวในการทำงานของระบบไฮดรอลิกแรงดันสูงส่วนใหญ่เกิดจากการปนเปื้อนของน้ำมันไฮดรอลิก เนื่องจากอนุภาคที่ละลายในน้ำมันไม่หมด ทำให้เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพของน้ำมันไฮดรอลิก ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความล้มเหลวอย่างรุนแรงในระบบไฮดรอลิก แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ เพราะในบทความนี้แอดมินจะมาบอกถึงแนวทางในการลดผลกระทบจากปัญหาสิ่งสกปรกและสารปนเปื้อนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการใช้ระบบไฮดรอลิกกันค่ะ  

แนวทางการป้องกันการปนเปื้อนในระบบไฮดรอลิก

สารบัญ

  • การดูแลรักษาระบบไฮดรอลิกเพื่อลดการปนเปื้อนของของไหลไฮดรอลิก
  • การดูแลและบำรุงรักษาไฮดรอลิกเพื่อเพิ่มความสะอาดในกระบอกไฮดรอลิก
  • ความสะอาดและการปนเปื้อนที่สำคัญต่อการใช้ไฮดรอลิก
  • บทสรุป

การดูแลรักษาระบบไฮดรอลิกเพื่อลดการปนเปื้อนของของไหลไฮดรอลิก

ที่จริงแล้วเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิกได้ เพราะน้ำมันไฮดรอลิกนั้นมีการปนเปื้อนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เราควรรักษาระดับการปนเปื้อนที่สามารถยอมรับได้ ฉะนั้นผู้อ่านจะต้องตรวจสอบน้ำมันไฮดรอลิกเป็นประจำ โดยทำตามขั้นตอนดังนี้

  1. กรองน้ำมันใหม่ก่อนเติมลงในระบบไฮดรอลิก : แม้จะเป็นน้ำมันใหม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นน้ำมันที่พร้อมใช้ในระบบเลย ฉะนั้นคุณจะต้องกรองน้ำมันใหม่ก่อนโหลดเสมอ
  2. จับคู่ความสะอาดของน้ำมันกับข้อกำหนดของระบบ : ทำความเข้าใจข้อกำหนดที่กำหนดโดยผู้ผลิตระบบ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าการกรองที่คุณเลือกเป็นไปตามระดับนั้น
  3. เลือกพิจารณาระบบไฮดรอลิกที่ออกแบบให้มีระบบกรองที่เข้าถึงได้ง่าย มิฉะนั้นการบำรุงรักษาและการเปลี่ยนแผ่นกรองอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับคุณ
  4. กำหนดตารางการบำรุงรักษา ตามวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติงาน สภาพแวดล้อม ตำแหน่งและความถี่ในการใช้งานระบบไฮดรอลิก และการออกแบบระบบการกรอง
  5. ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ แผ่นกรองก่อนเปลี่ยน เพื่อป้องกันไม่ให้อนุภาคสิ่งสกปรกเข้าสู่ระบบไฮดรอลิกโดยไม่ได้ตั้งใจ
แนวทางการป้องกันการปนเปื้อนในระบบไฮดรอลิก

การดูแลและบำรุงรักษาไฮดรอลิกเพื่อเพิ่มความสะอาดในกระบอกไฮดรอลิก

กระบอกไฮดรอลิกส่วนใหญ่มาพร้อมกับที่ปัดที่จะเช็ดสิ่งสกปรกที่อาจติดอยู่ในซีลและเข้าไปปนเปื้อนในน้ำมันไฮดรอลิกได้ โดยส่วนใหญ่ที่ปัดเหล่านี้อาจจะไม่ใช่วิธีการรักษาที่ดีที่สุด คุณจึงต้องมีการทำความสะอาดอุปกรณ์ส่วนต่างๆ ในไฮดรอลิก และรักษาความสะอาดสภาพแวดล้อมที่ปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการใช้ที่ปัดด้วย

ความสะอาดและการปนเปื้อนที่สำคัญต่อการใช้ไฮดรอลิก

Clean Hydraulic Fluid เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของระบบไฮดรอลิก เพราะระบบไฮดรอลิกอาศัยน้ำมันไฮดรอลิกในการถ่ายโอนกำลังและหล่อลื่นส่วนประกอบที่สำคัญในระบบ และเมื่อระบบล้มเหลว สาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนของของไหล แม้ว่าตอนนี้ระบบไฮดรอลิกจะมีที่ปัดน้ำฝนและตัวกรองที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนแล้วก็ตาม แต่ความสะอาดของอุปกรณ์ในส่วนอื่น ๆ และคุณภาพของซีลก็ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออายุการใช้งานของระบบไฮดรอลิกอีกเช่นกัน

บทสรุป

น้ำมันไฮดรอลิกเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบไฮดรอลิกทำงาน จากการถ่ายโอนและหล่อลื่นส่วนต่าง ๆ แต่เมื่อน้ำมันไฮดรอลิกมีการปนเปื้อนที่เกินค่าที่กำหนด จะส่งผลทำให้เกิดการล้มเหลวของระบบไฮดรอลิก ฉะนั้นเราจะต้องทำให้แน่ใจว่าบริเวณที่ระบบปฏิบัติงาน ส่วนประกอบของไฮดรอลิก และน้ำมันไฮดรอลิกมีความสะอาด และลดการปนเปื้อนให้ได้มากที่สุด โดยการหมั่นตรวจสอบความสะอาดเป็นประจำ และทำตามขั้นตอนที่แอดมินได้กล่าวไปข้างต้น เพื่อรักษาระบบไฮดรอลิกให้มีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานค่ะ

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และมอเตอร์ไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@taecgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
วิธีการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกสำหรับงานยก

วิธีการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกสำหรับงานยก

วิธีการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกสำหรับงานยก

วิธีการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกสำหรับงานยก การเลือกหาขนาดกระบอกสูบไฮดรอลิกให้เหมาะสมกับงานยกแต่ละประเภทเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการยกของของชิ้นเล็ก ๆ ไปจนถึงการยกของหนัก หากเลือกกระบอกสูบที่เล็กเกินไป คุณจะไม่สามารถยกของนั้นได้และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานได้ อย่างน้อยที่สุดคุณอาจจะต้องกลับไปที่ร้านเพื่อซื้อกระบอกสูบไฮดรอลิกที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้นการเลือกกระบอกสูบไฮดรอลิกจึงไม่ควรเป็นเกมการเดา และเพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เราจึงควรคิดหาความจุโหลดของกระบอกสูบไฮดรอลิกก่อนที่จะเริ่มงาน การคำนวณอย่างง่ายจะช่วยให้มั่นใจได้ว่ากระบอกสูบไฮดรอลิกของคุณจะสามารถรับมือกับงานที่คุณต้องการจะยกได้ ซึ่งในบทความนี้แอดมินจะมาบอกถึงวิธีการคำนวณขนาดของกระบอกสูบไฮดรอลิกให้เหมาะกับงานยกของผู้อ่านกันค่ะ

สารบัญ

  • วิธีคิดหาขนาดของกระบอกสูบไฮดรอลิก   
  • ขั้นตอนที่ 1: ประเมินน้ำหนักสิ่งของที่คุณจะยก
  • ขั้นตอนที่ 2: หาค่าแรงดันไฮดรอลิก
  • ขั้นตอนที่ 3: หาจำนวนจุดยึด
  • ขั้นตอนที่ 4: คำนึงถึงปัจจัยด้านความปลอดภัยเสมอ

กระบอกสูบไฮดรอลิก



วิธีคิดหาขนาดของกระบอกสูบไฮดรอลิก          

#ขั้นตอนที่ 1 : ประเมินน้ำหนักสิ่งของที่คุณจะยก

คุณจำเป็นต้องรู้ถึงน้ำหนักโดยประมาณของสิ่งของที่คุณต้องการจะยก และถ้าสามารถรู้น้ำหนักได้แม่นยำมากเท่าไหร่ ยิ่งดีมากเท่านั้น แต่ถ้าคุณไม่สามารถรู้แน่ชัดได้ และต้องประเมินน้ำหนักคร่าว ๆ แอดมินแนะนำให้คุณตั้งค่าน้ำหนักที่บวกเพิ่มขึ้นไปอีก คิดซะว่าเกินดีกว่าขาดค่ะ เพราะคุณคงไม่อยากให้การยกล้มเหลวแน่นอน ฉะนั้นการพิจารณาว่าของที่ต้องการจะยกมีน้ำหนักเท่าไหร่ จึงมีความสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกใช้กระบอกสูบไฮดรอลิก

#ขั้นตอนที่ 2 : รู้ค่าแรงดันไฮดรอลิก

แรงดันไฮดรอลิกจากปั๊มไฮดรอลิกของคุณต้องมีเพียงพอ เพื่อให้มีแรงดันที่เพียงพอต่อการทำงานของกระบอกสูบไฮดรอลิกและสามารถยกน้ำหนักที่ต้องการได้ ขนาดของกระบอกสูบจะเปล่าประโยชน์ไปเลย หากคุณไม่สามารถจ่ายแรงดันที่เพียงพอได้

#ขั้นตอนที่ 3 : หาจำนวนจุดยึด

ลิฟต์บางตัวเป็นลิฟต์แบบจุดเดียวธรรมดา แต่บางครั้งอาจไม่สามารถปรับสมดุลน้ำหนักบรรทุกด้วยจุดเดียวได้ ดังนั้นจึงต้องใช้สองจุดขึ้นไป เมื่อคุณทราบจำนวนจุดยึดและน้ำหนักบรรทุกทั้งหมดที่คุณจะยก คุณสามารถคำนวณหาขนาดกระบอกสูบที่ต้องการได้ โดยการหารน้ำหนักที่ต้องการยกทั้งหมดด้วยจำนวนจุด ตัวอย่างเช่น การบรรทุกน้ำหนัก 100 ตันที่มีจุดยึดหนึ่งจุดจะต้องใช้กระบอกสูบไฮดรอลิกอย่างน้อย 100 ตัน ในขณะที่การบรรทุกแบบเดียวกันที่มีจุดยึด สี่จุดนั้นจะต้องใช้กระบอกสูบไฮดรอลิกขนาด 25 ตัน จำนวน 4 กระบอก

#ขั้นตอนที่ 4: คำนึงถึงปัจจัยด้านความปลอดภัยเสมอ

คุณคงไม่อยากให้กระบอกสูบไฮดรอลิกทำงานเกินขีดจำกัดความจุของกระบอกสูบไฮดรอลิกอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ อย่างน้อยที่สุด คุณควรใช้กระบอกสูบที่มีความจุ 125% ของความจุที่ต้องการ และถ้าเป็นไปได้ คุณควรมีกระบอกสูบ ที่สามารถรับน้ำหนักได้ 1.5 เท่าถึง 2 เท่าของน้ำหนักที่คุณต้องการยก

บทสรุป

การประเมินค่าโดยประมาณของงานที่เราต้องการจะยก ค่าแรงดันของปั๊มไฮดรอลิกที่คุณมีอยู่ในขณะนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อหาค่าขนาดกระบอกสูบไฮดรอลิก และการเลือกขนาดกระบอกสูบไฮดรอลิกให้เหมาะสมกับงานที่เราต้องการจะยกนั้นเป็นสิ่งที่เราจะต้องคำนึง มิฉะนั้นอาจเกิดความเสียหายไม่มากก็น้อยตามมาได้นั่นเองค่ะ ซึ่งเราสามารถหาค่าขนาดกระบอกสูบอย่างง่าย ๆ ตาม 4 ขั้นตอนที่กล่าวมา หรือคุณสามารถสอบถามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระบอกสูบไฮดรอลิกก่อนซื้อได้ค่ะ

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง



สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@taecgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
5 ประเภทกับกระบอกสูบไฮดรอลิก

5 ประเภทกับกระบอกสูบไฮดรอลิก

5 ประเภทกับกระบอกสูบไฮดรอลิก

5 ประเภทกับกระบอกสูบไฮดรอลิก กระบอกสูบไฮดรอลิกเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของอุตสาหกรรมไฮดรอลิก การทำงานของระบบไฮดรอลิกเกือบทั้งหมดต้องใช้กระบอกสูบไฮดรอลิกในการแปลงพลังงานของไหลให้เป็นพลังงานกล ไม่ว่าจะเป็น รถขุด รถดั๊มพ์ รถตัก รถเกลี่ยดิน เครื่องจักรกลทางการเกษตร อุปกรณ์ออกกำลังกาย เรือ และอื่น ๆ อีก มากมาย ล้วนใช้ระบบไฮดรอลิก ที่มีกระบอกสูบไฮดรอลิกเป็นส่วนสำคัญในการทำงานทั้งสิ้น ซึ่งในบทความนี้ผู้อ่านจะได้รู้ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับกระบอกสูบไฮดรอลิก เช่นชนิด การใช้งาน และข้อจำกัดของกระบอกสูบไฮดรอลิกกันค่ะ

สารบัญ

  • กระบอกสูบเดี่ยว (Single Acting Cylinders)
  • กระบอกสูบคู่ (Double Acting Cylinders)
  • กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ Tie-Rod (Tie-Rod Cylinders)
  • กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบเชื่อม (Welded Rod Cylinders)
  • กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบยืดไสลด์ (Telescopic Cylinders)
  • บทสรุป

5 ประเภทของกระบอกสูบไฮดรอลิก

  • กระบอกสูบเดี่ยว (Single Acting Cylinders)

ตรงส่วนหัวของกระบอกสูบไฮดรอลิกชนิดนี้จะทำงานในทิศทางเดียว เมื่อของไหลถูกสูบเข้ากระบอกสูบ ก้านลูกสูบจะยืดออก และเมื่อต้องการให้กระบอกสูบหดตัวเข้าไป หรือทำการส่งคืน จำเป็นต้องใช้ string หรือแรงดันจากภายนอก ตัวอย่างของกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบทางเดียว คือแม่แรงไฮดรอลิก (hydraulic jack)

  • กระบอกสูบคู่ (Double Acting Cylinders)

ในกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ double-acting ส่วนหัวและส่วนปลายของกระบอกจะมีตัวสำหรับสูบของเหลว พอร์ตเหล่านี้จะควบคุมการไหลของของไหลและมีการเคลื่อนที่ทั้งสองทิศทาง การสูบน้ำมันไฮดรอลิกไปที่ปลายก้านสูบจะดึงก้านลูกสูบกลับ และของเหลวที่สูบไปที่ปลายก้านลูกสูบจะขยายก้านลูกสูบออก

  • กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ Tie-Rod (Tie-Rod Cylinders)

การใช้งานในอุตสาหกรรมและการผลิตส่วนใหญ่ใช้กระบอกสูบแบบแท่ง ข้อดีของกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ Tie-Rod คือง่ายต่อการบำรุงรักษา ง่ายต่อการซ่อมแซมและการประกอบ สำหรับการยึดฝาท้ายของกระบอกสูบก้านผูกนั้นจะใช้แท่งเหล็กเกลียว ฝาท้ายเหล่านี้จะป้องกันการรั่วไหลของของเหลว สามารถใช้ราวแขวนได้ 4 ถึง 20 อันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละอุตสาหกรรม

  • กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบเชื่อม (Welded Rod Cylinders)

กระบอกสูบประเภทนี้เชื่อมฝาและส่วนท้ายเข้ากับกระบอกสูบโดยตรง ทำให้ประกอบและถอดประกอบได้ยาก แต่ด้วยความที่กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบเชื่อมนั้นมีโครงสร้างที่กะทัดรัด มีความยาวแบริ่งภายใน และรอบการทำงานของกระบอกสูบแบบเชื่อมที่ดี ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานแบบเคลื่อนที่เป็นหลักค่ะ

  • กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบยืดไสลด์ (Telescopic Cylinders)

กระบอกสูบไฮดรอลิกแบบยืดสไลด์จะมีท่อมากกว่า 2 ท่อซ้อนกันอยู่ภายใน ท่อที่ซ้อนกันเหล่านี้เรียกว่าขั้น หรือ stage และเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อที่ซ้อนกันแต่ละอันจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายกระบอกขั้นสุดท้ายที่มันสามารถยืดสุดได้ โดยกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบยืดสไลด์สามารถทำงานได้ทั้งในรูปแบบเดี่ยวหรือแบบคู่ ซึ่งจะดีต่อโรงงานหรืออุตสาหกรรมที่มีพื้นที่จำกัด

บทสรุป

กระบอกสูบไฮดรอลิกเป็นส่วนประกอบขั้นพื้นฐานและสำคัญที่สุดในระบบไฮดรอลิก เนื่องจากกระบอกสูบจะเป็นตัวสูบของไหลไฮดรอลิกเข้ามา และเปลี่ยนพลังงานของไหลให้เป็นพลังงานกล เพื่อใช้ในการเคลื่อนที่หรือยกของหนัก ๆ ในอุตสาหกรรม แต่กระบอกสูบไฮดรอลิกนั้นมีด้วยกันหลัก ๆ อยู่ 5 ประเภท ซึ่งแต่ละชนิดก็มีลักษณะ และเหมาะกับการใช้งาน หรือมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ดังที่กล่าวไปในบทความข้างต้นค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับความรู้เรื่อง 5 ประเภทของกระบอกสูบไฮดรอลิก หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะสามารถนำความรู้ในบทความนี้ไปใช้ประโยชน์และต่อยอดได้นะคะ และบทความหน้าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันนะคะ

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิก ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิก และปั๊มไฮดรอลิก Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@taecgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More
วิธีการประกอบ กระบอกสูบไฮดรอลิก

วิธีการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก

วิธีการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก

วิธีการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก หากผู้อ่านต้องซื้อกระบอกสูบไฮดรอลิกตัวใหม่ หรือต้องทำการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิกด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ในบทความนี้แอดมินจะบอกถึงขั้นตอนในการประกอบชิ้นส่วนกระบอกสูบไฮดรอลิกแบบ Step by Step กันค่ะ แต่แอดมินขอบอกไว้ก่อนเลยว่าการประกอบชิ้นส่วนนี้ไม่ใช่เรื่องหมู ๆ นะคะ หากเป็นไปได้แอดมินแนะนำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไฮดรอลิกเป็นคนทำให้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดหรือความเสียหายตามมาดีกว่าค่ะ แต่รู้ไว้ก็ใช่ว่าจะเสียหาย ใช่ไหมคะ? เพราะฉะนั้นตามไปอ่านต่อกันเลยค่ะ

สารบัญ

  • ขั้นตอนการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก
  • สรุป
วิธีการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก


ขั้นตอนการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก

ก่อนเริ่มกระบวนการประกอบ ส่วนประกอบทุกส่วนจะต้องถูกล้างทำความสะอาดอย่างระมัดระวัง และต้องผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานแล้วทุกชิ้นส่วน หลังจากตรวจสอบชิ้นส่วนและส่วนประกอบทั้งหมด และตรวจสอบความสะอาดแล้ว กระบวนการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิกสามารถเริ่มต้นได้เลย โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • ขั้นแรก นำหัวลูกสูบและกระบอกสูบไปเชื่อมเข้ากับแกนกระบอกสูบ
  • ใส่ซีลให้เข้าที่สำหรับส่วนที่ต้องใช้ซีล เช่น สำหรับลูกสูบ (piston)  หัวกระบอกสูบ (cylinder head) เป็นต้น พร้อมกับลูกปืน (bearing ) และแหวนสแน็ป (snap ring)
  • ทาน้ำมันลงบนซีลที่อยู่รอบ ๆ ลูกสูบและหัวกระบอกสูบ
  • หลังจากประกอบก้านเข้ากับส่วนประกอบทุกชิ้นแล้ว กระบอกสูบทั้งหมดก็พร้อมสำหรับการติดตั้งเข้ากับท่อไฮดรอลิก
  • ในทุกขั้นตอนของการทำงาน ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และในทุกจุดของการประกอบ พื้นผิวจะได้รับการดูแลให้สะอาดและเช็ดออกอย่างสม่ำเสมอ
  • ก่อนจะติดตั้งกระบอกสูบไฮดรอลิกเข้ากับท่อ ต้องได้รับการตรวจสอบด้วยสายตาก่อน และหลังจากนั้นท่อจะถูกติดตั้งในแนวนอน ควรทาน้ำมันในท่อจากด้านในอย่างเหมาะสม
  • ก้านลูกสูบจะถูกนำเข้าไปในท่ออย่างระมัดระวัง โดยสไลด์เข้าไปทางปลายของลูกสูบก่อน
  • หลังจากประกอบท่อและแกนลูกสูบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการติดตั้งตลับลูกปืนและหัวอัดจาระบี

ขั้นตอนเหล่านี้เป็นกระบวนการขั้นพื้นฐานในการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก แต่เนื่องจากกระบอกสูบแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน เวลาที่ใช้ในการประกอบจึงแตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์ เวลาขึ้นอยู่กับจำนวนส่วนประกอบที่กระบอกสูบต้องการและขนาดของกระบอกสูบ เป็นต้น ตามที่เขียนไว้ข้างต้น กระบอกสูบที่ใหญ่กว่าจะถูกประกอบในลักษณะเดียวกัน แต่เนื่องจากขนาดและน้ำหนักอาจมีขนาดใหญ่และหนักมาก จึงจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ สำหรับการยกและบิด เข้ามาช่วยในการประกอบ

สรุป

ขั้นตอนเหล่านี้เป็นกระบวนการคร่าว ๆ ขั้นพื้นฐานที่แอดมินหยิบมาอธิบายให้ฟัง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วการประกอบชิ้นส่วนของกระบอกสูบไฮดรอลิก ทางผู้ให้บริการจะมีผู้เชียวชาญในการจัดการให้อยู่ค่ะ เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับความรู้เรื่องขั้นตอนการประกอบกระบอกสูบไฮดรอลิก หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะสามารถนำความรู้ในบทความนี้ไปใช้ประโยชน์และต่อยอดได้นะคะ และบทความหน้าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันนะคะ

สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิค ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิก วาล์วไฮดรอลิค และปั๊มไฮดรอลิค Thai-A เราเป็นโรงงานผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิกมายาวนานกว่า 50 ปี เรายินดีรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิก และรับผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกตามสั่ง

สนใจสอบถามได้ที่

โทร : 02-026-3854

E-mail : webmaster@taecgroup.com

Facebook : thaiagency

Line ID : @thaiagency

Read More