ข้อดี ข้อเสีย ของปั๊มน้ำโซล่าเซลล์แต่ละชนิด
ข้อดี ข้อเสีย ของปั๊มน้ำโซล่าเซลล์แต่ละชนิด
ข้อดี ข้อเสีย ของปั๊มน้ำโซล่าเซลล์แต่ละชนิด ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้การประหยัดคงจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้หลายชีวิตดำเนินอยู่รอด อย่างเช่น การประหยัดพลังงานไฟฟ้า เพราะพลังงานไฟฟ้า เป็นปัจจัยหลักของการดำรงชีวิต และปัจจุบันในหลายๆ ภาคส่วนนิยมนำระบบโซล่าเซลล์ไปใช้เพื่อช่วยในเรื่องของการประหยัดค่าไฟฟ้า และสำรองพลังงานไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ไม่เว้นแม้แต่ในภาคการเกษตรที่ก็เริ่มได้รับความนิยมไม่แพ้กัน และได้มีการนำระบบโซล่าเซลล์มาใช้กับปั๊มน้ำอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง
ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ (Solar Water Pump) คือการที่นำปั๊มน้ำมาประยุกต์ใช้กับระบบโซล่าเซลล์ โดยการเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ มาเป็นไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้กับปั๊มน้ำโซลาเซลล์ ซึ่งในปัจจุบันนี้ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์มีหลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงข้อดีข้อเสียของปั๊มโซล่าเซลล์แต่ละชนิดให้ทุกๆท่าน ได้ตัดสินใจในการเลือกใช้ปั๊มโซล่าเซลล์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
รูปแบบที่1: ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์หอยโข่ง [Solar Water Pumping System (Centrifugal Pump)]
ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์แบบหอยโข่ง นี้ มาจากรูปร่างลักษณะของตัวปั๊มที่ลักษณะคล้ายขดของหอยโข่ง เป็นปั๊มที่คนนิยมใช้กันมาก เป็นปั๊มชนิดแรงเหวี่ยง ระบบการทำงานของปั๊มน้ำโซล่าเซลล์หอยโข่งคือจะมีใบพัดอยู่ภายใน และเมื่อใบพัดหมุนจะเกิดแรงเหวี่ยงน้ำส่งน้ำจากส่วนปลายใบพัดเข้าในโพรงหอยโข่ง เหมาะกับงานสูบน้ำสะอาดทั่วไปที่ต้องการปริมาณน้ำปานกลางถึงมาก โดยที่ความลึกไม่เกิน 8 เมตร และสูบส่งได้สูง เหมาะสำหรับงานสูบน้ำในสวนหย่อมหรือสวนผัก งานระบบบำบัดน้ำ ชลประทาน รดน้ำ งานสูบส่งเคมีบางชนิด
ข้อดี
- มีราคาถูก และหาซื้อง่าย
- สามารถสูบน้ำได้ปริมาณน้ำมากประมาณ 1500-3000 ลิตร / ชั่วโมง
- ดูแลรักษาได้ง่าย อะไหล่หาซื้อง่าย
ข้อเสีย
ดูดบ่อลึกได้ไม่เกิน 8 เมตร ยกเว้นเครื่องปั้มน้ำหอยโข่งชนิดเจ็ตคู่ที่สามารถสูบได้ลึกกว่า และกินพลังงานค่อนข้างสูง หากนำระบบโซล่าเซลล์มาใช้งานร่วมกันอาจจะต้องใช้แผงโซล่าเซลล์หลายแผงเพื่อให้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอ
รูปแบบที่ 2: ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์แบบซับเมอร์ส ปั๊มน้ำบาดาล [Solar Water Pumping System (Submersible Pump)]
เป็นปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ที่ใช้จุ่มใต้น้ำในบ่อ หรือใต้ผิวดิน เหมาะสำหรับสูบน้ำขึ้นมาจากบ่อที่ขุดลึกลงไปค่อนข้างมาก ลักษณะของบ่อจะเป็นไปตามขนาดของปั๊ม ขั้นอยู่กับปริมาณน้ำและแรงดันที่ใช้หรืออาจจะแล้วแต่การออกแบบ บ่ออาจจะมีขนาด 4 นิ้ว 6 นิ้ว 8 นิ้ว เป็นรูลงไปใต้ดินเพื่อสูบน้ำขึ้นมาด้านบน
ข้อดี
- ดูดได้ลึกมากๆ มีหลายขนาดให้เลือก
- ได้ปริมาณน้ำเยอะ
- ใช้สูบน้ำขึ้นที่สูง สูบน้ำขึ้นแท้งค์น้ำสูงๆ ได้
ข้อเสีย
มีราคาแพง ยิ่งระบบ AC แพงกว่า DC มาก หากการใช้งานที่ใช้น้ำน้อยทุนไม่เยอะอาจไม่คุ้ม หากมอเตอร์เสียหายจะไม่สามารถซ่อมแซมได้ และใช้กำลังไฟเยอะจึงอาจจะต้องใช้แผงโซล่าเซลล์เพิ่มมากขึ้น
รูปแบบที่ 3: ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์แบบไดโว DC [Solar Water Pumping System (Divo Pump)]
ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ชนิดนี้มีหลากหลายขนาด สามารถสูบได้น้ำเยอะ แต่กำลังส่งของปริมาณน้ำอาจจะด้วยกว่าปั้มน้ำ แบบ AC การใช้งานง่าย เพียงต่ออุปกรณ์เข้ากับตัวปั้มไปจุ่มน้ำและทำการต่อท่อ ก็จะสามารถใช้งานได้เลย ปั้มไดโวเป็นปั๊มที่มีการใช้ง่าย นิยมใช้ส่งน้ำในแนวราบมากกว่าแนวดิ่ง เพราะแนวดิ่งจะสูบน้ำขึ้นได้ไม่เกิน 5 เมตร ในแนวราบส่งได้ถึง 100 เมตรก็มี (ขึ้นอยู่กับรุ่น)
ข้อดี
- ราคาถูก
- ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก
- สูบน้ำได้ปริมาณเยอะ ขนาดเล็กสามารถพกพาได้ง่าย
ข้อเสีย
สามารถสูบน้ำได้ในความลึกที่ไม่มากนัก (ไม่เกิน 10 เมตร)
รูปแบบที่ 4: ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ปั๊มชัก พร้อมมอเตอร์ DC
เป็นปั๊มน้ำที่ตัวปั๊มจะประกอบรวมเข้ากับมอเตอร์ DC และส่งกำลังด้วยสายพาน เวลาต่อใช้งานจะต่อท่อดูดลงน้ำ
และต่อท่อส่งไปยังที่ๆ ใช้งาน ความแรงจะขึ้นกับรอบของมอเตอร์และสายพาน สามารถประกอบตัวเครื่องเองได้ และมีราคาถูกอีกด้วย
ข้อดี
- ดูดได้ลึกประมาณ 10 เมตร ส่งได้สูงกว่า 10 เมตร
- ตัวปั้มหาซื้อง่าย ราคาถูก หาซื้ออะไหล่ได้ง่าย ตัวมอเตอร์ DC ราคาจะค่อนข้างสูง
- ใช้รอบต่ำ 400 rpm สูบน้ำได้ปริมาณคุ้มกับพลังงานที่เสียไป
ข้อเสีย
มักมีปัญหาเรื่องความร้อนในเครื่องที่มีขนาดเล็ก ชิ้นส่วนสึกหรอง่าย มีน้ำหนักเยอะเคลื่อนย้ายยาก ต้องซ่อมบำรุงบ่อยๆ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ทั้ง 4 ชนิด นี้ เมื่อรู้ข้อดี-ข้อเสียของปั๊มน้ำโซล่าเซลล์แต่ละชนิดนี้แล้ว ก็สามารถตัดสินใจเลือกซื้อปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ตามความเหมะสมได้เลยค่ะ หากเกษตรกรท่านใด หรือใครที่กำลังสนใจระบบโซล่าเซลล์ สามารถติดต่อเราได้ที่ Thai-A เราผลิตและจำหน่ายสินค้าโซล่าเซลล์ครบวงจร อาทิ แผงโซล่าเซลล์ ปั๊มโซล่าเซลล์ ปั๊มหอยโข่งโซล่าเซลล์ ปั๊มน้ำซับเมอร์ส พร้อมทั้งติดตั้งระบบโซล่าฟาร์ม โซล่ารูฟท็อป เรามีประสบการณ์ยาวนาน เจ้าแรกที่ติดตั้งในไทย มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาตรฐาน มอก.พร้อมรับประกันงานติดตั้ง 1 ปี
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@taecgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
How to ในการเตรียมรถตัดอ้อยให้พร้อมต่อการเก็บเกี่ยว
How to ในการเตรียมรถตัดอ้อยให้พร้อมต่อการเก็บเกี่ยว
How to ในการเตรียมรถตัดอ้อยให้พร้อมต่อการเก็บเกี่ยว เดือนธันวาคม นับว่าเป็นเดือนสำคัญของชาวเกษตรกรไร่อ้อยเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นช่วงเก็บเกี่ยวอ้อยหรือที่เขามักจะเรียกกันว่า ฤดูกาลหีบอ้อย นั่นเองค่ะ ซึ่งในวันนี้แอดมินจะพาผู้อ่านทุกท่าน มาศึกษาถึงวิธีการเตรียมรถตัดอ้อยและแปลงอ้อยอย่างไร ให้พร้อมต่อการเก็บเกี่ยวของชาวเกษตรกรไร่อ้อยกันค่ะ ว่าจะมีการเตรียมรถตัดอ้อยและไร่อ้อยอย่างไรกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยค่ะ
ความบทที่เกี่ยวข้อง
- บำรุงรักษารถตัดอ้อยอย่างไรให้พร้อมต่อการทำงาน
- รถตัดอ้อยขนาดเล็ก ฝีมือไทยทำนำกำไรสู่ชาวไร่อ้อย
- เรื่องน่ารู้จาก THAI-A ส่วนประกอบของรถตัดอ้อย
รถตัดอ้อย เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือเกษตรที่มีความสำคัญต่อการทำไร่อ้อยอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยประสิทธิภาพในการเก็บเกี่ยวของรถตัดอ้อยที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ทันใจ สามารถลดฝุ่นควันจากการเผาไหม้ได้ ทั้งยังสามารถทุ่นแรงงานคนได้อีกด้วยค่ะ
ดังนั้น เพื่อให้รถตัดอ้อยสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชาวเกษตรกรจะต้องทำการเตรียมแปลงอ้อยที่จะเก็บเกี่ยวให้ได้มารตฐาน เพื่อรองรับการทำงานของรถตัดอ้อยดังนี้ค่ะ
- เตรียมแปลงด้วยการปรับพื้นให้มีความสม่ำเสมอ
- เตรียมแปลงสำหรับกลับรถตัดอ้อย เพื่อไม่ให้รถตัดอ้อยเหยียบตออ้อยหัวแปลงท้ายแปลง
- ให้ตัดร่องอ้อยมีระยะห่างอยู่ที่ 1.5 เมตร ตามมาตรฐานของรถตัดอ้อย
- กำจัดต้นไม้ ตอไม้ ก้อนหิน และสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ออกจากแปลงอ้อย เพื่อเป็นการลดอุปสรรคในการทำงานของรถตัดอ้อยได้ค่ะ ลดปัญหารถตัดอ้อยเสียหาย
- ควรปลูกอ้อยให้มีความลึกอยู่ที่ 20-25 เซนติเมตร ตามชนิดดินเหนียวหรือดินทรายค่ะ
- ทำการ ยกร่อง หรือ พูนโคน เพื่อให้ต้นอ้อยอยู่บนสันร่องสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร ซึ่งจะช่วยให้ชุดจานตัดโคนของรถตัดอ้อยนั้นตัดได้ชิดดิน สามารถทำให้รถตัดอ้อยเก็บเกี่ยวเอาส่วนโคนที่หวานที่สุดของต้นอ้อยได้ โดยไม่ทำให้อ้อยแตกและเสียหายได้ค่ะ
Thai-A เราเป็นศูนย์รวมเครื่องจักรกลการเกษตร และอะไหล่ ตัวเเทนผู้ผลิตและจำหน่ายรถตัดอ้อย รถคีบอ้อย รถคีบไม้ รถคีบอเนกประสงค์ หัวคีบอ้อย อะไหล่รถเกี่ยวข้าว และอุปกรณ์เครื่องจักรกลการเกษตรแบบครบวงจร สินค้ามีคุณภาพดี แข็งแรง ทนทาน มีความคล่องตัว ดูแลง่าย ราคาเป็นมิตรกับเกษตรกรไทย และมีทีมงานมืออาชีพพร้อมให้คำปรึกษาทุกท่านในเรื่องของเครื่องจักรที่ใช้ในภาคเกษตรกรรม ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการทุ่นแรง การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร การเพิ่มคุณภาพ การแปรสภาพผลผลิตเกษตร สนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถตัดอ้อย
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@teacgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
เทคนิคการดูแลและรักษาระบบนิวเมติกส์
เทคนิคการดูแลและรักษาระบบนิวเมติกส์
ในปัจจุบัน ระบบนิวเมติกส์ ถูกนำมาประยุกต์ใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างแพร่หลาย และมักจะพบกันอยู่เป็นประจำว่า มีการใช้งานที่ผิดวิธีหรือขาดการบำรุงรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมทำให้ไม่สามารถใช้งานอุปกรณ์นิวเมติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีผลต่ออายุการใช้งานที่สั้นลงอีกด้วย
การบำรุงรักษาอุปกรณ์นิวเมติกส์
ที่ถูกต้องเหมาะสมนั้น เราสามารถดำเนินการได้เบื้องต้น โดยสามารถหาได้จากเอกสารคำอธิบายที่ผู้จัดจำหน่ายมักหรือตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์นิวเมติกส์เหล่านั้นจะจัดเตรียมมาให้พร้อมกับสินค้า ซึ่งจะมีรายละเอียดพร้อมข้อควรระวังอยู่ด้วย
ในบทนี้จะกล่าวถึงภาพรวมในการบำรุงรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมของระบบนิวเมติกส์ โดยแบ่งออกเป็นหมวดต่าง ๆ เช่น ปั้มลม (Air Compressor) ชุดปรับคุณภาพลม (Air Service Unit) ระบบท่อทาง (Pipe Lines) อุปกรณ์ทำงาน เช่น กระบอกลม (Air cylinder) วาล์วควบคุมทิศทาง (Directional Control Valves) และอื่น ๆ เป็นต้น
ข้อควรจำเพื่อความปลอดภัย (Always Remember Safety First)
ระบบลมอัดเป็นระบบต้นกำลังที่มีพื้นฐานด้านความปลอดภัยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีระดับหนึ่ง ถ้าเราให้ความเอาใจใส่ดูแลระบบอย่างสม่ำเสมอ ในระหว่างการดำเนินการบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมระบบ มีข้อพึงระวังที่ต้องปฏิบัติดังนี้
- ต้องมั่นใจว่าทำการปิดระบบและถ่ายลมอัดออกจากระบบจนหมดก่อนดำเนินการถอมท่อลมอัดหรือข้อต่อ
- ต้องมั่นใจว่าอุปกรณ์ทำงานทุกชนิด เช่น กระบอกลม อยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย ก่อนเปิดวาล์วให้ลมอัดเข้าสู่ระบบ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการกระแทกและก่อให้เกิดอันตรายต่อคนทำงานจนได้รับบาดเจ็บหรือชิ้นส่วนของเครื่องจักรจนได้รับความเสียหาย
- ต้องมั่นใจว่าอุปกรณ์ข้อต่อ และสายลมอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานก่อนเปิดวาล์วให้ลมอัดเข้าสู่ระบบ
- ควรระมัดระวังการทำงานของกระบอกลม ขณะกำลังเคลื่อนที่ออกหรือเข้าจนเกือบสุดระยะชักแล้ว เพราะถ้ายังไม่หยุดนิ่งก็ยังอาจเป็นอันตรายต่อคนทำงานจนได้รับบาดเจ็บ หรือชิ้นส่วนของเครื่องจักรจนได้รับความเสียหายได้
- อย่าคิดว่ากระบอกลมจะมีความเร็วที่สม่ำเสมอตลอดเวลา คงไม่เป็นปัญหา
- อย่าคิดว่าขั้นตอนการทำงาน (Sequence) จะทำซ้ำเหมือนเดิมทุกครั้งไป
ในกรณีทีมีการดำเนินการบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมระหว่างการทำงานโดยใช้ปุ่มสัญญาณฉุกเฉินหยุดเครื่องจักรควรคำนึงถึงความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้
- 1.กระบอกลมอาจเคลื่อนที่ได้ด้วยแรงของชิ้นงาน
- 2.กระบอกลมอาจเคลื่อนที่ได้ เมื่อมีการถอดสายลมสัญญาณ
- 3.การทำงานหยุดชั่วขณะอันเป็นผลมาจากการสูญเสียแรงดันลม
ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยที่กล่าวมาข้างต้นจะขึ้นอยู่กับการออกแบบระบบความปลอดภัยในเครื่องจักรบางเครื่อง อาจกำหนดเงื่อนไขด้านความปลอดภัย โดยการควบคุมแรงดันลม พนักงานที่ปฏิบัติงาน และช่างซ่อมบำรุงควรมีความรู้และความคุ้นเคยเกี่ยวกับลักษณะของการออกแบบระบบความปลอดภัยของเครื่องจักรรุ่นต่าง ๆ อย่างดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อคนทำงานจนได้รับบาดเจ็บ หรือชิ้นส่วนของเครื่องจักรจนได้รับความเสียหายได้
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบนิวเมติกส์ ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบนิวเมติกส์ วาล์วนิวเมติกส์ และปั๊มลมนิวเมติกส์ เป็นต้น Thai-A เราคือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบนิวเมติกส์มายาวนานกว่า 50 ปี และเรามีทีมงานที่มากประสบการณ์คอยให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับระบบนิวเมติกส์อีกด้วย
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@taecgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @pneumaxthailand
หลักการทำงานของปั๊มไฮดรอลิค
ปั๊มไฮดรอลิค คือ
ปั๊มไฮดรอลิค คือ อุปกรณ์สร้างอัตราการไหลและเมื่อของไหลถูกกีดขวางจะทำให้เกิดความดัน โดยหลักการทำงานของปั๊มไฮดรอลิคจะเปลี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงานของไหล
หลักการเลือกปั๊มไฮดรอลิค
ปั๊มไฮดรอลิคแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. เกียร์ปั๊ม (Gear Pump)
เหมาะกับงาน mobile งานการเกษตร ทนความสกปรกได้ดี ความสามารถในการสร้างความดันน้ำมันอยู่ในระดับไม่สูงมาก
2. ปั๊มไฮดรอลิคแบบใบพัด (Vane Pump)
เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรม (industrial) และงานโมบาย (mobile) ความสามารถในการสร้างความดันน้ำมันอยู่ในระดับปานกลาง
3. ปั๊มไฮดรอลิคแบบลูกสูบ (Piston Pump)
เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรม (industrial) และงานโมบาย (mobile) ความสามารถในการสร้างความดันน้ำมันสูง
ปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้ปั๊มไฮดรอลิค
- ความสามารถในการสร้างอัตราการไหล สูงถึง 500cc/rev. สูงสุด 1000 cc/rev.
- ความสามารถในการสร้างความดัน สูงถึงสูงมาก
- อัตราการไหลแบบคงที่หรือปริมาตรความจุปรับได้
- นำไปใช้งานในระบบเปิด (opened-loop) หรือระบบปิด (closed-loop)
- ระดับเสียงในการทำงานอยู่ในระดับปานกลาง
- 6. ความเหมาะสมระหว่างตัวปั๊มไฮดรอลิคและน้ำมันที่ใช้
บทความที่เกี่ยวข้อง
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิค ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิค วาล์วไฮดรอลิค และปั๊มไฮดรอลิค เป็นต้น Thai-A เราคือผู้นำด้านอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิคมายาวนานกว่า 50 ปี และเรามีทีมงานที่มากประสบการณ์คอยให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิคอีกด้วย
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@taecgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
กระบอกลมนิวเมติกส์ และลักษณะการทำงานแต่ละแบบ
กระบอกลมนิวเมติกส์ และลักษณะการทำงานแต่ละแบบ
กระบอกลมนิวเมติกส์ และลักษณะการทำงานแต่ละแบบ โดยทั่วไปแล้วกระบอกลมนิวเมติกส์ ( Air cylinder ) มีความหลากหลาย ทางด้านรูปแบบซึ่งอยู่ที่ลักษณะการเลือกใช้งาน แต่เราจะจำแนกตามประเภทตามคุณลักษณะ โดยมีการแยกตามรูปแบบ ดังภาพด้านล่าง
แบ่งออกเป็น 7 รูปแบบ ดังนี้
- กระบอกลมแบบสปริงหน้า (Front spring cylinder)
- กระบอกลมแบบสปริงหลัง (Rear spring cylinder)
- กระบอกลม 2 ทาง แบบมีคุชชั่น (Double acting cylinder with cushion)
- กระบอกลม 2 ทาง แบบไม่มีคุชชั่น (Double acting cylinder)
- กระบอกลม แบบแกน 2 ข้าง (Double acting twin rod cylinder)
- กระบอกลมแบบแนวราบ (Rodless cylinder)
- กระบอกลมแบบหมุนองศา (Rotary actuator)
บทความที่เกี่ยวข้อง
- สัญลักษณ์วาล์วในระบบนิวเมติกส์ที่ควรรู้
- ข้อคำนึงในการเลือกใช้กระบอกลมนิวเมติกส์
- ทำไมโรงงานอุตสาหกรรมถึงนิยมใช้ระบบนิวเมติกส์
ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีคุณลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งขึ้นอยู่กับแบบเครื่องจักรที่ใช้ในการทำงานต่อ ลักษณะของกระบอกลมนิวเมติกส์มีการจำแนก ตามมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ ตัวอย่างเช่น
1. Micro cylinder
2. Air cylinder
3. Compact cylinder
4.Rodless cylinder
5. Mantipul
ในกลุ่มกระบอกขั้นต้นจะใช้ตามความเหมาะสมของงานและความปลอดภัยสูงสุด
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบนิวเมติกส์ ไม่ว่าจะเป็น กระบอกลมนิวเมติกส์ วาล์วนิวเมติกส์ และปั๊มลมนิวเมติกส์ เป็นต้น Thai-A เราคือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบนิวเมติกส์มายาวนานกว่า 50 ปี และเรามีทีมงานที่มากประสบการณ์คอยให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับระบบนิวเมติกส์อีกด้วย
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@taecgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @pneumaxthailand
บำรุงรักษารถตัดอ้อยอย่างไรให้พร้อมต่อการทำงาน
บำรุงรักษารถตัดอ้อยอย่างไรให้พร้อมต่อการทำงาน
ในวันนี้ แอดมินจะพาผู้อ่านทุกท่านมาดูถึง จุดทที่ควรบำรุงรักษาสำหรับรถตัดอ้อย พร้อมข้อมูลในการตรวจเช็กแต่ละส่วนสำหรับรถตัดอ้อยกันค่ะ เพื่อให้เครื่องจักรกลเหล่านี้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในฤดูกาลเก็บเกี่ยว ซึ่งอาจจะต้องมีการทำงานหนักแบบลากยาว ถ้าหากเกษตรกรผู้ใช้งานรู้วิธีการดูแลและบำรุงรักษารถตัดอ้อยอย่างถูกวิธี ก็จะทำให้รถตัดอ้อยนั้นสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและอยู่กับเรายาวนานมากยิ่งขึ้นค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เรื่องน่ารู้จาก THAI-A ส่วนประกอบของรถตัดอ้อย
- การใช้รถตัดอ้อยให้ได้ประสิทธิภาพ
- รถตัดอ้อยขนาดเล็ก ฝีมือไทยทำนำกำไรสู่ชาวไร่อ้อย
รถตัดอ้อย ถ้าต้องการให้มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่ต้องซ่อมแซมกันบ่อย ๆ และพร้อมเสมอสำหรับการใช้งาน จะต้องให้ความสำคัญทั้งการดูแลรักษาแบบประจำวัน และตามระยะเวลา ดังนี้
การบำรุงรักษารถตัดอ้อยในส่วนของแบตเตอรี่
ควรตรวจน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกวัน โดยให้จอดรถตัดอ้อยบนพื้นราบขณะตรวจ ถ้าระดับน้ำกลั่นต่ำ ให้ถอดฝาปิดออกแล้วเติมน้ำกลั่นลงไปจนได้ระดับตามที่ตัวเครื่องกำหนดมาค่ะ
การบำรุงรักษารถตัดอ้อยในส่วนของระดับน้ำมันเชื้อเพลิง
ควรเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้เต็มถังภายในตอนเย็นหลังจากใช้รถตัดอ้อยเสร็จ เพื่อให้รถตัดอ้อยพร้อมที่จะทำงานได้ในวันรุ่งขึ้นทันทีนั่นเองค่ะ แต่คุณผู้อ่านอาจจะต้องระวังไม่ให้น้ำมันเชื้อเพลิงมีสิ่งสกปรกและน้ำเจือปนด้วยนะคะ
การบำรุงรักษารถตัดอ้อยในส่วนของระบบระบายความร้อน
น้ำในหม้อน้ำควรจะเต็มตลอดเวลา อย่าให้เศษหญ้า หรือใบไม้ติดอยู่หน้าช่องรังผึ้งหม้อน้ำ ควรตรวจความตึงของสายพานให้ถูกต้อง
การบำรุงรักษารถตัดอ้อยในส่วนของน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้าย
ให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้ายในห้องเกียร์ และห้องเฟืองท้ายให้อยู่ขีดสูงของไม้วัดระดับอยู่เสมอ
การบำรุงรักษารถตัดอ้อยในส่วนของหม้อกรองอากาศ
ควรทำความสะอาดโดยใช้ลมเป่าให้สะอาดทุกวัน ถ้าหม้อกรองอากาศเป็นชนิดแช่น้ำมัน ซึ่งระดับน้ำมันควรจะอยู่ในระดับที่ถูกต้องเสมอ หม้อกรองชนิดนี้จะกรองฝุ่นละอองออกจากอากาศ โดยอากาศจะถูกดูดผ่านน้ำมัน ซึ่งน้ำมันจะจับฝุ่นละอองออกจากอากาศอีกทีหนึ่ง ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนน้ำมันใหม่ทันที ให้เลือกใช้น้ำมันเครื่อง ถ้าดูแล้วน้ำมันเปลี่ยนสีเพราะฝุ่นละอองมาก คุณผู้อ่านอาจจะทำการเปลี่ยนน้ำมันมากกว่า 1 ครั้งต่อวัน เป็นต้นค่ะ
Thai-A เรามีทีมงานมืออาชีพพร้อมให้คำปรึกษาทุกท่านในเรื่องของเครื่องจักรที่ใช้ในภาคเกษตรกรรมเกี่ยวกับพืช เช่น รถตัดอ้อย ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการทุ่นแรง การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร การเพิ่มคุณภาพ การแปรสภาพผลผลิตเกษตร สนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถตัดอ้อย สามารถสอบถามได้ที่
การบำรุงรักษารถตัดอ้อยในส่วนของน้ำมันเครื่อง
ในการตรวจสอบน้ำมันเครื่องที่ทำทุกวัน คุณจะต้องดู 2 อย่าง คือ ดูว่าระดับน้ำมันเครื่องถูกต้องหรือไม่จากไม้วัดระดับน้ำมัน และดูสภาพของน้ำมันเครื่อง ถ้าน้ำมันเครื่องดำมากก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ ควรถ่ายน้ำมันเครื่องออกขณะที่เครื่องยังร้อน และรถแทรคเตอร์จอดอยู่บนพื้นที่ราบ
การบำรุงรักษารถตัดอ้อยในส่วนของน็อตและสลัก
ในขณะปฏิบัติงานรถแทรคเตอร์จะมีการสั่นสะเทือนค่อนข้างมาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้น็อตและสลักหลวม ทำให้จะต้องตรวจสอบทุกวันและขันให้แน่นเสมอ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@taecgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
แล้งนี้ไม่มีกลัว เลือกปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ให้เหมาะกับการใช้งาน
แล้งนี้ไม่มีกลัว เลือกปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ให้เหมาะกับการใช้งาน
แล้งนี้ไม่มีกลัว เลือกปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ให้เหมาะกับการใช้งาน โดยทั่วไปเราทุกคนต่างก็ใช้พลังงานกันอยู่ทุกวัน พลังงานถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อประเทศในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น การดำรงชีวิตประจำวัน การประกอบอาชีพ การผลิตวัตถุดิบ การส่งสินค้าและบริการ ทำให้มีการใช้พลังงานที่มากยิ่งขึ้น แต่ในความเป็นจริงพลังงานนั้นขาดแคลน จึงทำให้มีราคาที่สูงขึ้นทำให้เรื่องของการใช้พลังงานกลายเป็นปัญหาใหญ่และนับวันจะส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
ในภาคการเกษตรการใช้พลังงานนั้นเป็นสิ่งจำเป็น น้ำ ไฟ น้ำมัน ต่างก็เป็นแหล่งพลังงานที่ต้องใช้อย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันเหล่าเกษตรกรจึงหันมาใช้ระบบโซล่าเซลล์กันมากขึ้น เพื่อนำพลังงงานจากแสงอาทิตย์มาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้ในการขับเคลื่อนปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ สามารถใช้แทนน้ำมันเชื้อเพลิงหรือระบบไฟฟ้าของภาครัฐ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวนมาก และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ปัจจัยการเลือกแผงโซล่าเซลล์จะขึ้นอยู่กับขนาดของปั๊ม ขนาดความลึกของแหล่งที่จะสูบน้ำและความต้องการในการใช้น้ำซึ่งตัวปั๊มน้ำโซล่าเซลล์จะมี 2 ชนิดคือปั๊มน้ำแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงและปั๊มน้ำแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ
ปั๊มน้ำแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง
คือปั๊มน้ำที่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรงในการขับเคลื่อนมอเตอร์ ถือเป็นประเภทปั๊มที่เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมใช้กัน ซึ่งในปัจจุบันนี้ ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ประเภทนี้จะยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเทคโนโลยีแผงโซล่าเซลล์กำลังได้รับความนิยม ส่วนประชาชน หรือภาคส่วนต่างๆ ของประเทศได้หันมาใช้แผงโซล่าเซลล์ในการผลิตไฟฟ้าใช้เองกันมากขึ้น ลงทุนเพียงครั้งเดียว ก็สามารถใช้ไฟฟ้าได้อย่างยาวนาน
ปั๊มน้ำแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ
คือปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ที่นิยมใช้ในงานในทุกประเภทตั้งแต่อุปกรณ์ขนาดเล็ก ไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีราคาถูกกว่าเครื่องจักรกลไฟฟ้ากระแสตรงและยังสามารถต่อกับกระแสสลับได้โดยง่าย ซึ่งปั๊มน้ำแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับจะต้องมีอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้าจากกระแสตรงเป็นกระแสสลับ เรียกอุปกรณ์นี้ว่าโซล่าอินเวอร์เตอร์เพื่อที่จะแปลงแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงที่ได้จากแผงโซล่าเซลล์ให้เป็นแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งควรเลือกใช้โซล่าอินเวอร์เตอร์ที่มีประสิทธิภาพที่ดีจะมีผลทำให้มอเตอร์ของปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ทำงานได้อย่างสม่ำเสมอ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ปั๊มโซล่าเซลล์ แหล่งกักเก็บน้ำที่เหมาะกับเกษตรกรรม
- เลือกซื้อแผงโซล่าเซลล์แบบไหนดี ?
- 4 เหตุผลทำไมต้องใช้โซล่าเซลล์ของ THAI-A
เลือกปั๊มน้ำโซล่าเซลล์แบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน ?
1. ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์สำหรับใช้กับน้ำบาดาล
ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ที่เหมาะสมกับการสูบน้ำในบ่อบาดาลจะต้องเป็นปั๊มน้ำโซล่าเซลล์แบบแรงดันสูงแบบปั๊มซัมเมอร์ส เป็นเครื่องสูบน้ำที่ใช้จุ่มใต้น้ำในบ่อ หรือใต้ผิวดิน เหมาะสำหรับสูบน้ำขึ้นมาจากบ่อที่ขุดลึกลงไปค่อนข้างมาก ลักษณะของบ่อจะเป็นไปตามขนาดของปั๊ม ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำและแรงดันที่ใช้หรืออาจจะแล้วแต่การออกแบบ
2. ปั๊มน้ำหอยโข่งโซล่าเซลล์ (ปั๊มหอยโข่ง)
ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์แบบหอยโข่ง เป็นเครื่องสูบน้ำที่ใช้ระดับผิวดิน ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ประเภทนี้นิยมใช้กันมาก เพราะเหมาะต่อการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมทั้งในไร่นา สวนผัก สวนผลไม้ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ไปจนถึง ระบบอาคาร ปั๊มดับเพลิง ระบบน้ำร้อน ปั๊มน้ำหอยโข่ง เหมาะสำหรับสูบน้ำในแม่น้ำลำธาร บ่อน้ำ คูคลอง อ่างเก็บน้ำที่มีระดับต่ำกว่าระดับพื้นดินไม่เยอะมากนัก คือลึกไม่เกิน 10 เมตร และปั๊มประเภทนี้สามารถสูบน้ำได้ปริมาณมาก
สำหรับชาวเกษตรกรท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับปั๊มโซล่าเซลล์ แบบปั๊มซัมเมอร์ส และแบบปั๊มหอยโข่งโซล่าเซลล์ บริษัท Thai-A เราเป็นผู้นำด้านบริการ และจัดจำหน่าย อุปกรณ์ระบบโซล่าเซลล์ครบวงจร แบบปั๊มซัมเมอร์ส ปั๊มน้ำโซล่าเซลล์ ปั๊มหอยโข่งโซล่าเซลล์ รวมไปถึงระบบ โซล่าฟาร์ม โซล่ารูฟทอป พลังงานทดแทนแบบครบวงจร สินค้าคุณภาพดีพร้อมให้บริการ และติดตั้งด้วยทีมงานมืออาชีพพร้อมให้คำปรึกษาทุกๆท่านในเรื่องโซล่าเซลล์
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@taecgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
สัญลักษณ์วาล์วในระบบนิวเมติกส์ที่ควรรู้
วาล์วในระบบนิวเมติกส์ ที่ควรรู้
สัญลักษณ์วาล์วในระบบนิวเมติกส์ที่ควรรู้ ปัจจุบันนิวเมติกส์ถูกใช้อย่างกว้างขวาง อาทิ เครื่องจักรบรรจุหีบห่อ เครื่องจักรผลิตสินค้าและอาหาร เครื่องจักรขนย้ายวัสดุ และอื่น ๆ อีกมากมาย เนื่องจากเป็นระบบที่ประหยัดพลังงาน โครงสร้างใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังมีความปลอดภัยเพราะการทำงานของระบบนิวเมติกส์นั้นมีอุณหภูมิต่ำ บำรุงรักษาง่าย ซึ่งหนึ่งในส่วนประกอบหลักของระบบนิวเมติกส์ ที่ความสำคัญมากเช่นเดียวกัน ก็คือ วาล์วนิวเมติกส์ ดังนั้นมาดูกันค่ะว่าวาล์วนิวเมติกส์มีกี่ชนิด และสัญลักษณ์ของวาล์วนิวเมติกส์ ที่ควรรู้กันค่ะ
สัญลักษณ์วาล์วของระบบนิวเมติกส์
สัญลักษณ์ของวาล์วนิวเมติกส์ทั่วไปที่ใช้จากข้อมูลเบื้องต้น มีการเรียกชื่อที่ต่างกันออกไปตามลักษณะของวาล์ว และฟังก์ชันที่มากระทำวาล์วนิวเมติกส์ เช่น
1.วาล์วนิวเมติกส์ 2/2 มี 2 แบบ 2/2 แบบ NO และ 2/2 แบบ NC
ตัวอย่าง : วาล์วนิวเมติก 2/2 ที่มีฟังก์ชันกระทำเป็นไฟฟ้า
2. วาล์วนิวเมติกส์ 3/2 มี 2 แบบ คือ แบบ 3/2 แบบ NO และ 3/2 แบบ NC
3. วาล์วนิวเมติกส์ 5/2 มีทั้ง แบบคอยล์แบบข้างเดียว และ คอยล์แบบ 2 ข้าง
เป็นวาล์วนิวเมติกส์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในการออกแบบวงจร และมีความหลากหลายมาก
4. วาล์ว 5/3 มีฟังก์ชันอยู่ 3 แบบ แบบ closed center, แบบ open center และแบบ pressure center
การเลือกใช้งานขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงาน
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบนิวเมติกส์ ไม่ว่าจะเป็น กระบอกลมนิวเมติกส์ วาล์วนิวเมติก และปั๊มลมนิวเมติกส์ เป็นต้น Thai-A เราคือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบนิวเมติกส์มายาวนานกว่า 50 ปี และเรามีทีมงานที่มากประสบการณ์คอยให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับระบบนิวเมติกส์อีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ข้อคำนึงในการเลือกใช้กระบอกลมนิวเมติกส์
- กระบอกสูบนิวเมติกส์สำคัญอย่างไร
- ทำไมโรงงานอุตสาหกรรมถึงนิยมใช้ระบบนิวเมติกส์
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@taecgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @pneumaxthailand
กระบอกไฮดรอลิคมีกี่แบบ
กระบอกไฮดรอลิค มีกี่แบบ
กระบอกไฮดรอลิค อยู่ในการทำงานของระบบไฮดรอลิค สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือกระบอกสูบไฮดรอลิค ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของเครื่องจักรกลและอุตสาหกรรม โดยการทำงานของกระบอกสูบไฮดรอลิคจะอาศัยหลักการเปลี่ยนพลังงานแรงดันของน้ำมันไฮดรอลิค จะส่งถ่ายพลังงานในแนวเชิงเส้น และสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
1.กระบอกไฮดรอลิค ทำงานด้านเดียว Single Acting Cylinder
เป็นกระบอกไฮดรอลิคที่ออกแรงดันด้านเดียวไม่มี Port น้ำมันเพื่อดันแกนกระบอกกลับ
และมักออกแบบให้ใช้งานแนวดิ่งส่วนมากใช้ถอยแกนกระบอกกลับ 2 แบบคือ Load Return หรือ Spring return
และมักออกแบบให้ใช้งานแนวดิ่งส่วนมากใช้ถอยแกนกระบอกกลับ 2 แบบคือ Load Return หรือ Spring return
2.กระบอกไฮดรอลิค ทำงานสองทาง Double Acting Cylinder
เป็นกระบอกไฮดรอลิคที่นิยมใช้มากที่สุด ทำงานได้หลายรูปแบบ ออกแบบได้ทั้งแรงดัน แรงดึง
มีรูปแบบการติดตั้งที่หลากหลาย แบ่งเป็น 2 รูปแบบโครงสร้างคือ
- 2.1 กระบอกสูบไฮดรอลิค Round type
- 2.2 กระบอกสูบไฮดรอลิค Square type
3. กระบอกไฮดรอลิค หลายช่วงชัก Telescopic Cylinder
เป็นกระบอกสูบไฮดรอลิคที่สามารถยืดออกได้มากกว่าขนาดของเสื้อกระบอกหลายเท่า นิยมใช้ในงานที่มีระยะติดตั้งไม่มาก แต่ต้องการ Stroke การใช้งานที่ยาว
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ชุดต้นกำลัง (POWER UNIT) ในระบบไฮดรอลิกสำคัญยังไง
- มอเตอร์ไฮดรอลิคคืออะไร สำคัญอย่างไรกับไฮดรอลิค
- ปั๊มไฮดรอลิคมีกี่แบบ ?
ปัญหากระบอกไฮดรอลิค ที่มักจะพบ
1. ซีลคอกระบอกไฮดรอลิครั่วซึม
ปัญหา
- Alignment การติดตั้งกระบอกสูบไฮดรอลิคไม่ดีหรือไม่เหมาะกับลักษณะงาน การแก้ไข ปรึกษาผู้ผลิต ผู้ออกแบบเพื่อแก้ไข
- แกนกระบอกสูบไฮดรอลิคเป็นรอยจากฝุ่น
การแก้ไข เปลี่ยนซีลคอกระบอกไฮดรอลิคใหม่และชุบหรือเปลี่ยนแกนกระบอกเดิมที่เป็นรอยและหาวิธีป้องกันฝุ่นเข้าแกนกระบอกสูบไฮดรอลิค
2. กระบอกล็อคตำแหน่งไม่อยู่
ปัญหา
- ซีลลูกสูบภายในกระบอกไฮดรอลิคเสียหายหรือเป็นรอย
การแก้ไข เปลี่ยนซีลลูกสูบภายในกระบอกสูบไฮดรอลิคใหม่
- Hand valve หรือ Solenoid valve ที่ควบคุมกระบอกไฮดรอลิคดังกล่าวสึกหรอหรือเสียหาย
การแก้ไข ตรวจสอบ Hand valve หรือ Solenoid valve ที่ควบคุมดังกล่าว
3. กระบอกไฮดรอลิคมีแรงดันชิ้นงานไม่เพียงพอ
ปัญหา
- เลือกขนาดของกระบอกไฮดรอลิคเล็กเกินไป ไม่เหมาะกับขนาดของแรงที่ต้องใช้
การแก้ไข ปรึกษาผู้ผลิต ผู้ออกแบบเพื่อแก้ไข
- ความดันในระบบลดลงหรือต่ำเกินไป
การแก้ไข ตรวจสอบระบบที่เกี่ยวกับการสร้างความดัน เช่น Pump หรือ Relief valve
การดูแลกระบอกไฮดรอลิค
การดูแลรักษากระบอกไฮดรอลิค (hydraulic cylinder) เป็นส่วนสำคัญของการบำรุงรักษาระบบไฮดรอลิคในเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ใช้งานไฮดรอลิค
วิธีการดูแลกระบอกสูบไฮดรอลิค
- ตรวจสอบการรั่วไหล : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วไหลที่พื้นผิวกระบอกหรือที่ต่อท่อไฮดรอลิค
- ตรวจสอบสภาพภายนอก : ตรวจสอบว่าไม่มีสิ่งกีดขวางหรืออุปสรรคที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของกระบอกไฮดรอลิค
- ทำความสะอาด : ทำความสะอาดพื้นผิวกระบอกไฮดรอลิคและส่วนรอบๆ การทำความสะอาดจะช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกและฝุ่น
- ตรวจสอบและเปลี่ยนซีล : ตรวจสอบซีลของกระบอกสูบไฮดรอลิคว่ามีสภาพดีหรือไม่ หากมีการรั่วไหลหรือซีลเสีย ควรทำการเปลี่ยนซีลทันที
- ตรวจสอบการทำงานของวาล์ว : ตรวจสอบว่าวาล์วในระบบไฮดรอลิคทำงานถูกต้องหรือไม่ การทำงานของวาล์วที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้กระบอกไฮดรอลิคทำงานผิดปกติ
- ตรวจสอบการยึดเกาะ : ตรวจสอบการยึดเกาะหรือการติดตั้งกระบอกไฮดรอลิคร่วมกับเครื่องหรือโครงสร้างอื่น ๆ ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
- ตรวจสอบความตึง : ตรวจสอบว่ากกระบอกไฮดรอลิคมีการตึงหรือไม่ การตรวจสอบความตึงนี้จะช่วยลดการสึกหรอ และป้องกันการทำงานของกระบอกที่ไม่เสถียร
การดูแลรักษากระบอกไฮดรอลิคนี้เป็นการป้องกันและรักษาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระบบไฮดรอลิค การดูแลรักษาเป็นประจำจะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
บริษัท ไทยเอเย่นซี เอ็นยีเนียริ่ง จำกัด รับผลิตกระบอกไฮดรอลิคทุกขนาดตามมาตรฐานสากล
ผลิตกระบอกไฮดรอลิคกับ Thai-A ดีอย่างไร ?
- เราเลือกใช้ชุดประกอบคุณภาพดีเยี่ยมนำเข้าจากต่างประเทศ
- พร้อมให้คำปรึกษาด้านกระบอกสูบไฮดรอลิคโดยวิศวกรประสบการณ์กว่า 50 ปี
- ออกแบบและผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิกโดยช่างผู้ชำนาญการ
- บริการหลังการขาย และการอบรมผลิตภัณฑ์ การให้คำปรึกษาและแนะนำด้วยทีมงานคุณภาพ
- มีระบบตรวจสอบคุณภาพ และประสิทธิภาพสินค้าทุกชิ้นก่อนส่ง
- บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ และการจัดการสิ่งแวดล้อม มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และมาตรฐาน IEC
ใช้กระบอกไฮดรอลิคอย่างไรให้ปลอดภัย
เลือกกระบอกไฮดรอลิคให้เหมาะกับงาน
- สิ่งแรกที่คุณต้องรู้คือน้ำหนักที่กระบอกไฮดรอลิคสามารถยกได้ คุณสามารถหาจำนวนปอนด์ที่ต้องยกได้โดยการคูณพื้นที่ประสิทธิผลของแรม (EAR) ด้วยแรงดันของเหลว (FP) EAR (เป็นตารางนิ้ว) x FP (psi) = แรง (ปอนด์)
- ต่อไป ให้หาน้ำหนักของสิ่งที่คุณตั้งใจจะยกและเลือกแรมที่มีความจุมากกว่าอย่างน้อย 20% ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการยกวัตถุ 8 ตัน คุณต้องใช้กระบอกสูบ 10 ตัน
ความมั่นคงเป็นกุญแจสำคัญ
- กระบอกไฮดรอลิคทุกอันต้องมีฐานรองที่มั่นคง ไม่ว่าจะใช้ทีละตัวหรือทั้งระบบ แรมแต่ละตัวควรได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่บนฐานที่แข็งแรง มั่นคง และไม่เคลื่อนที่
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวโหลดอยู่กึ่งกลางที่จุดยกของแรม
- เมื่อใช้แรมหลายตัว ให้กระจายตัวโหลดอย่างเท่าเทียมกัน แต่ในการทำเช่นนี้ คุณจะต้องสามารถระบุตำแหน่งและจำนวนจุดยกที่จะยอมให้โหลดกระจายไปยังแรมทั้งหมดเท่า ๆ กัน
รู้วิธีจัดเก็บกระบอกไฮดรอลิคอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันความเสียหายและการบาดเจ็บ
- เพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีปริมาณน้ำมันไฮดรอลิคที่เหมาะสมสำหรับแรม หากไม่มีของเหลวเพียงพอ ความดันสามารถสร้างขึ้นและเส้นสามารถระเบิดได้ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง
ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระบอกไฮดรอลิคและปั๊มมีความพอดี
- เลือกปั๊มแรงดันสูงที่เหมาะสำหรับกระบอกสูบไฮดรอลิคที่คุณใช้เพื่อให้แน่ใจว่ามีความจุน้ำมัน การไหล และกำลังที่เหมาะสม
สำหรับใครที่กำลังมองหาสินค้าเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิค ไม่ว่าจะเป็น กระบอกสูบไฮดรอลิค มาตรฐาน มอก. สำหรับงานการเกษตรต่างๆ หรืองานอุตสาหกรรมในโรงงาน วาล์วไฮดรอลิค และปั๊มไฮดรอลิค เป็นต้น Thai-A เราคือผู้นำด้านอุปกรณ์ระบบไฮดรอลิค นำเข้าสินค้าไฮดรอลิคจากผู้ผลิตกระบอกสูบไฮดรอลิค อุปกรณ์ไฮดรอลิคมายาวนานกว่า 50 ปี และเรามีทีมงานที่มากประสบการณ์คอยให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับระบบไฮดรอลิคอีกด้วย
สนใจสอบถามได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@taecgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency
กระบอกไฮดรอลิค มาตรฐาน มอก.
Thai-A จำหน่ายอะไหล่รถตัดอ้อย
Thai-A จำหน่ายอะไหล่รถตัดอ้อย
Thai-A จำหน่ายอะไหล่รถตัดอ้อย และผลิตเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตร ไม่ว่าจะเป็น รถคีบอ้อย รถคีบไม้ รถตัดอ้อย ทั้งยังเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อะไหล่รถขยะ อะไหล่รถตัดอ้อย อะไหล่รถคีบไม้ เป็นต้น
ด้วยความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 50 ปี ทำให้ Thai-A ได้ขยายสินค้าเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจที่เป็นมากกว่าตัวแทนจำหน่ายอะไหล่เครื่องจักรกลการเกษตร เช่น อะไหล่รถตัดอ้อย อะไหล่รถขยะ อะไหล่รถคีบไม้ ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการทุ่นแรง การเพิ่มคุณภาพและลดต้นทุน
รถตัดอ้อยเป็นเครื่องมือเก็บเกี่ยวอ้อยซึ่งใช้ในช่วงฤดูกาล เก็บเกี่ยวอ้อย เข้าสู่โรงงานน้ำตาล ซึ่งรถตัดอ้อยคุณภาพดีของเรามาพร้อมชุดอุปกรณ์รวมสำหรับการเก็บเกี่ยวอ้อยให้กับชาวไร่และผู้รับเหมางาน รถตัดอ้อย จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัย เนื่องจากสามารถทุ่นแรงงานคนได้ และมีความสามารถตัดอ้อยได้อย่างน้อยวันละ 10-20 ไร่ รวดเร็วกว่าการใช้แรงงานคน 5-10 เท่า ช่วยลดต้นทุนในการตัดอ้อยและผลิตน้ำตาลได้อย่างมากมาย อีกทั้งยังสามารถลดฝุ่นควันจากการเผาไหม้ใบอ้อยที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5 และเขม่าควันไฟ ที่สามารถทำลายสุขภาพของมนุษย์และทำลายคุณภาพอากาศอีกด้วย
เนื่องด้วยข้อดีที่หลากหลายของรถตัดอ้อย จึงทำให้รถตัดอ้อยนั้นเป็นเครื่องจักรกลการเกษตรที่น่าลงทุนอยู่ไม่น้อย ซึ่งหากใช้งานไปนาน ๆ ตัวรถตัดอ้อยอาจเกิดอาการเสียหายหรือชำรุดที่มาจากตัวอะไหล่รถตัดอ้อยได้ ซึ่งส่วนใหญ่อาจเกิดจากการสึกหรอภายในของปั๊มเนื่องจากอายุการใช้งานและชิ้นส่วนภายในแตกหักเสียหายกระทันหัน
อะไหล่รถตัดอ้อยที่ Thai-A เราจำหน่ายจะมีด้วยกันดังนี้ค่ะ
อะไหล่รถตัดอ้อย TANDEM PUMP 75 CC
- ปั๊มคู่ / ปั๊ม 46 หรือปั๊มเบอร์ 22 หมุนซ้าย ( ใช้กับรถเกี่ยวข้าว,รถตัดอ้อย )
- Description : TANDEM HYDRAUSTRATIC TRANSMISSON PUMP 75 CC
- สเปคทั่วไป : 75 CC/ 21 ฟัน
- (อาการเสียโดยทั่วไป สึกหรอภายในเนื่องจากอายุการใช้งานและชิ้นส่วนภายในแตกหักเสียหายกระทันหัน)
อะไหล่รถตัดอ้อย HEAVY DUTY HYDROSTATIC FIXED DISPLACEMENT MOTOR
- มอเตอร์ขับล้อ สำหรับมอเตอร์ 46 หรือมอเตอร์เบอร์ 22 ( ใช้กับรถเกี่ยวข้าว , รถตัดอ้อย )
- Description : HEAVY DUTY HYDROSTATIC FIXED DISPLACEMENT MOTOR
- สเปคทั่วไป : 75 CC/ 21 ฟัน
- (อาการเสียโดยทั่วไป สึกหรอภายในเนื่องจากอายุการใช้งานและชิ้นส่วนภายในแตกหักเสียหายกระทันหัน)
อะไหล่รถตัดอ้อย HYDRAUSTRATIC TRANSMISSON PUMP
- Description :HYDRAUSTRATIC TRANSMISSON PUMP
- สเปคทั่วไป : 89.1 CC
- (อาการเสียโดยทั่วไป สึกหรอภายในเนื่องจากอายุการใช้งานและชิ้นส่วนภายในแตกหักเสียหายกระทันหัน)
อะไหล่รถตัดอ้อย TANDEM PUMP WITH 49CC DISPLACEMENT
- ปั้มเดินล้อ (ใช้กับรถเกี่ยวข้าว,รถตัดอ้อย )
- Description : TANDEM PUMP WITH 49CC DISPLACEMENT
- สเปคทั่วไป : 49 CC/r
- (อาการเสียโดยทั่วไป สึกหรอภายในเนื่องจากอายุการใช้งานและชิ้นส่วนภายในแตกหักเสียหายกระทันหัน)
อะไหล่รถตัดอ้อย MOTOR 40.6 CC/R
- มอเตอร์ปั่นท่อส่งข้าว ( ใช้กับรถเกี่ยวข้าว , รถตัดอ้อย )
- Description : MOTOR 40.6 CC/R
- สเปคทั่วไป : 40.6 CC/R
- (อาการเสียโดยทั่วไป สึกหรอภายในเนื่องจากอายุการใช้งานและชิ้นส่วนภายในแตกหักเสียหายกระทันหัน)
ด้วยความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 50 ปี ทำให้ Thai-A ได้ขยายสินค้าเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจที่เป็นมากกว่าตัวแทนจำหน่ายอะไหล่เครื่องจักกลการเกษตร อะไหล่รถคีบไม้ อะไหล่รถตัดอ้อย อะไหล่รถขยะ ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการทุ่นแรง การเพิ่มคุณภาพ การลดต้นทุน สนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับอะไหล่ สามารถสอบถามได้ที่
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
โทร : 02-026-3854
E-mail : webmaster@taecgroup.com
Facebook : thaiagency
Line ID : @thaiagency